ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 11.11 จุด หลังตัวเลขสร้างบ้านสหรัฐร่วงเหนือความคาดหมาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 19, 2009 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขการสร้างบ้านที่ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากบริษัทเทคโนโลยีที่ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์รูดลง 11.11 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 10,426.31 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.52 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,109.80 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10.64 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 2,193.14 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.06 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและอพาร์ทเมนท์ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลง 10.6% แตะที่ 529,000 ยูนิต/ปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 1.7% แตะที่ 600,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 ขณะที่อัตราการอนุญาตก่อสร้างบ้านร่วงลง 4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9%

โจ ไฮเดอร์ ประธานบริษัท Dawson Wealth Management ในเมืองคลีฟแลนด์ของสหรัฐกล่าวกับเอพีว่า "ตัวเลขการสร้างบ้านที่ร่วงลงเหนือความคาดหมายบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ จำนวนคนตกงานที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้บริษัทรับสร้างบ้านไม่กล้าที่จะลงทุนมากนัก ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อบ้านก็ไม่กล้าที่จะนำเงินออกมาใช้จ่ายในยามที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบาง"

จอห์น แบรดี้ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท MF Global กล่าวว่า "โดยปกติในช่วงปลายปีนั้น นักลงทุนไม่ค่อยเสี่ยงที่จะเข้าทำโพสิชั่น ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอเช่นนี้ ยิ่งทำให้นักลงทุนเลือกที่จะปลีกตัวออกไปดูความเคลื่อนไหวอยู่นอกตลาด สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างซบเซา"

นายบาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภากองเกรสสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า สถาบันการเงินในสหรัฐเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนที่รัฐบาลสหรัฐจะจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสถาบันการเงินล้มละลาย ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินที่ล้มละลายจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมบังคับใช้มาตรการดังกล่าวในสัปดาห์นี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงหลังจากบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์รายงานว่า บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน แบล็คเบอร์รี่ หรือ บีบี กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมากเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันไปใช้สมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกกว่าบีบี และหลังจากบริษัท ออโตเดสก์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการณ์ในปีนี้ และบริษัท Salesforce.com เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ หุ้น RIM ร่วงลง 2.5% หุ้นออโต้เดสก์ดิ่งลง 10.4% และหุ้น Salesforce.com ปิดลบ 3.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ