นายฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า สาเหตุที่บริษัทตัดขายหุ้นที่ถืออยู่ใน บมจ. แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ (CAWOW) จนเหลืออยู่ 19% จาก 36.79% เนื่องจากทาง CAWOW มีผลดำเนินงานขาดทุนมาโดยตลอด ทำให้ MAJOR ต้องแบกรับผลขาดทุนดังกล่าวด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่ารับมามากแล้ว ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องขายหุ้น CAWOW ออกไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนในงบการเงินรวมของบริษัทส่วนที่
ขณะนี้ MAJOR เหลือการถือหุ้น CAWOW โดยบันทึกเป็นการลงทุนเท่านั้น และยังไม่ได้พิจารณาว่าจะขายหุ้น CAWOW ออกไปอีกหรือไม่ โดยจะรอให้ทาง CAWOW แก้ไขปัญหาทางธุรกิจและปัญหาภายในบริษัทให้ได้ก่อนจึงจะตัดสินใจว่าจะลงทุนต่อไปหรือไม่
"ตอนนี้ก็ยังไม่ยืนยันนะว่าจะขายหุ้น CAWOW ออกไปอีกหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้ทางเราก็รอให้ทาง CAWOW แก้ไขปัญหาภายในของเขาก่อนด้วย อย่างเรื่องของผลขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เคยเสนอแผนให้ลดค่าใช้จ่ายลง แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไร อีกอย่างเรื่องที่มีปัญหากับ member ด้วย พวกนี้ต้องได้รับการแก้ไขก่อน แล้วเราค่อยมาพิจารณากันอีกทีว่าจะลงทุนต่อไปหรือไม่ อย่างไร"นายฉัฐภูมิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้น CAWOW ออกมาในครั้งนี้ก็ทำให้บริษัทฯยังได้รับผลกำไร เนื่องจากต้นทุนของ MAJOR อยู่ที่ประมาณกว่า 0.60 บาท/หุ้น แต่ขายหุ้นออกไปผ่านกระดานเทรดของตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ 0.70 บาท/หุ้น
นายฉัฐภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเก็บหุ้น CAWOW ต่อจาก MAJOR ไป ซึ่งหากเป็นการเข้ามาเก็บของบุคคลคนเดียวก็น่าที่จะต้องรายงานผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)แล้ว เพราะบริษัทฯก็ขายออกไปในสัดส่วนที่ค่อนข้างมากเหมือนกัน
ผู้บริหาร MAJOR กล่าวอีกว่า หลังจากขายหุ้น CAWOW ออกไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการของ MAJOR ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/52 เป็นต้นไป จากที่เคยต้องรับรู้ผลขาดทุนของ CAWOW ไตรมาส 10-20 ล้านบาท ประกอบกับ ยอดของผู้เข้าชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เครอื MAJOR ในช่วงปลายปีก็ปรับตัวดีขึ้นด้วย
"ที่ผ่านมา MAJOR ถือหุ้น CAWOW ในสัดส่วนที่มาก ทำให้ต้องบันทึกผลการขาดทุน ซึ่งปกติก็โดนไปไตรมาสละ 10-20 ล้านบาท แต่เมื่องวดไตรมาส 2/52 โดนไปตั้ง 50 ล้านบาท และไตรมาส 3/52 นี้ก็โดนไป 10 ล้านบาท แต่เมื่อขายหุ้น CAWOW ออกไปแล้ว ในช่วงไตรมาส 4/52 ทาง MAJOR ก็ไม่ต้องมี CAWOW มาเป็นตัวดึงให้ลงไป ซึ่งผลประกอบการของ MAJOR ก็น่าจะโอเคขึ้น อีกทั้งยอดคนดูหนังก็ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/52 อีกด้วย"รองกรรมการผู้จัดการ MAJOR กล่าว
นายฉัฐภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้ของ MAJOR ในปี 53 ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% จากปีนี้ โดยมองว่าสื่อโฆษณา(media)น่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งบริษัทฯก็มีแผนจะเปิดโรงหนังใหม่เพิ่มอีกประมาณ 10 โรง โดยที่แน่ ๆ ขณะนี้ได้เซ็นอนุมัติการเปิดโรงหนังไปแล้ว 2 โรง โดยที่สามเสนคาดว่าจะเปิดในไตรมาส 4/53 และที่มหาชัยคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงต้นไตรมาส 2/53
นอกจากนี้ ในส่วนของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีกำหนดเข้าฉายในปี 53 ก็จะมีเรื่องที่น่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯได้มาก ได้แก่ "สมเด็จพระนเรศวร" ภาค 3 และ ภาค 4 ซึ่งคาดว่าจะลงโรงฉายในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 และอีกเรื่องก็คือ "องค์บาก"ภาค 3 คาดว่าจะฉายในเดือน ส.ค.ปีหน้า