PTT คาดกำไรปี 52 มีโอกาสสูงกว่าปีก่อน หลัง 9 เดือนทำได้กว่า 4 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 19, 2009 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ในปีนี้มีโอกาสที่กำไรสุทธิของ ปตท.น่าจะออกมาสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีบริษัทมีกำไรแล้ว 4.4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3/52 ทำกำไรสูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น ไตรมาส 4/52 แม้ว่าสถานการณ์ราคาปิโตรเคมีและค่าการกลั่นอาจจะอ่อนตัวลงบ้าง แต่ก็ประเมินว่าค่าการกลั่นจะลดลงมาอยู่ที่ 1-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 1.7 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาส 3/52 มากนัก ขณะที่ราคาปิโตรเคมีก็จะยังคงอยู่ในระดับสูง หากราคาน้ำมันยังอยู่ในช่วง 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบกับกำลังการผลิตจากตะวันออกกลางก็ล่าช้าออกไปด้วย

"เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ราคาน้ำมันยังยืนสูงกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล ราคาปิโตรเคมียังดี แม้ว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย หากสถานการณ์ไม่แตกต่างจากไตรมาส 3 มากนัก เราก็มีความหวังว่ากำไรจะสูงกว่าปีก่อนที่ 5.1 หมื่นล้านบาท" นายเทวินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประเมินผลกระทบจากการลงทุนในมาบตาพุดที่ต้องหยุดชะงักไปหากไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้ ซึ่งมีตัวเลขบนหลายสถานการณ์แต่ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เนื่องจากยังคงมีความผันผวนสูง

แต่ยอมรับว่าหากโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 ไม่สามารถเปิดได้ก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตก๊าซลดลง และจะส่งผลกระทบต่อบริษัทลูกเป็นลูกโซ่ ทั้ง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) และ ปตท.เคมิคอล(PTTCH) เนื่องจากบริษัทลูกเป็นทั้งผู้ขายและผู้รับซื้อก๊าซ ซึ่งเชื่อว่าคดีนี้คงต้องใช้เวลาอีกค่อนข้างมาก โดยเปรียบเทียบกับกรณีท่อก๊าซ ปตท.ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะได้ข้อสรุป

นายเทวินทร์ กล่าวว่า สำหรับปี 53 บริษัทจะมีกำลังการผลิตใหม่จากแหล่งเจดีเอของ PTTEP และโรงแครกเกอร์ใหม่ กำลังผลิต 1 ล้านตันของ PTTCH ถือเป็นปัจจัยบวกของ ปตท. โดยคาดว่าจะมีปริมาณก๊าซจะเพิ่ม 8-10% ส่วนกำลังผลิตปิโตรเคมีจะเพิ่ม 40% น่าจะช่วยผลักดันรายได้ในปีหน้าให้สูงขึ้นจากปีนี้ได้

ขณะที่บริษัทยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีภาระการใช้เงินจำนวนมาก รวมทั้งไม่มีการเรียกคืนหนี้จากสถาบันการเงิน เพราะความกังวลจากปัจจัยเรื่องมาบตาพุดแต่อย่างใด ส่วนแผนการลงทุน 5 ปี(2010-2014)ยังอยู่ระหว่างการจัดทำคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ม.ค.53

นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ PTT กล่าวว่า ขณะนี้แผนควบรวมกิจการโรงกลั่นในเครือ 4 แห่ง ยังคงต้องรอความชัดเจนกรณีมาบตาพุด ซึ่งคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เสร็จและได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพราะถึงแม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งในการพิจารณาคดีมาบตาพุดแล้ว บริษัทก็ต้องนำมาประเมินผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับแต่ละบริษัทในเครือที่จะควบรวมกิจการกัน กว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและดำเนินการตามขั้นตอนทางการเงินก็น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน


แท็ก (PTT)   ปตท.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ