ตลท.เผย 9 เดือนแรกปี 52 บจ.ทำกำไร 3.24 แสนลบ.ลดลง 17% จากปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 19, 2009 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.52 ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 466 บริษัท จาก 500 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 25 กองทุน) มีกำไรสุทธิรวม 323,938 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17% บริษัทที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 353 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 113 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 76 ต่อ 24

สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมเฉพาะงวดไตรมาส 3/52 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรสุทธิ 115,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 24%

นางภัทรียา กล่าวว่า หากพิจารณาผลประกอบการโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รายไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/52 ถึงไตรมาส 3/52 พบมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET 100 ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/52 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 97,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในงวด 9 เดือนแรกปี 52 มีกำไรสุทธิรวม 287,557 ล้านบาท คิดเป็น 89% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลง 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยอดขายลดลง 24% ขณะที่ต้นทุนขายลดลง 27% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 20%

สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในงวด 9 เดือนแรกของปี 52 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance: NC) และบริษัทในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group: NPG) จำนวน 448 บริษัท มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน รวม 323,414 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17% ส่วนผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 3/52 มีกำไรสุทธิรวม 114,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23% โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน เรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้ กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไรสุทธิ 129,191 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 16% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 40,038 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 75%

กลุ่มธุรกิจการเงิน มีกำไรสุทธิ 76,083 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/52 มีกำไรสุทธิ 28,391 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10%, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีกำไรสุทธิ 46,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 17,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%

กลุ่มเทคโนโลยี มีกำไรสุทธิ 30,146 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 10,354 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5%, กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร มีกำไรสุทธิ 21,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 32% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 8,653 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48%

กลุ่มบริการ มีกำไรสุทธิ 17,091 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,596 ล้านบาท หรือลดลง 65%, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบ มีกำไรสุทธิ 3,642 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,344 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3%

กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ขาดทุนสุทธิ 405 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38,159 ล้านบาท สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/52 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 5,147 ล้านบาท หรือลดลง 25%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ