SPALI คาดเริ่มขายหุ้นที่ซื้อคืนปลาย พ.ย.,ตั้งเป้าปี 53 ยอดขายโต 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 19, 2009 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นที่ซื้อคืนมา 120 ล้านหุ้นภายในปลายเดือน พ.ย.นี้ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถสรุปราคาเสนอขายในสัปดาห์หน้า

การเสนอขายหุ้นดังกล่าว ที่ปรึกษาฯได้เลือกแนวทางการขายให้กับนักลงทุนทั่วไป(PO)จากเดิมที่จะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) โดยการเลือกขายหุ้นแบบ PO จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น โดยเม็ดเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นครั้งนี้จะส่งผลต่อกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนในการซื้อที่ดินขยายโครงการในอนาคตและนำมาชำระคืนหนี้ ซึ่งจะทำให้ D/E ปรับลดลงมาต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.14 เท่า

"การที่เราเลือก PO เพราะคิดว่าจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการที่ตัดสินใจทำตอนนี้ไม่ได้ทำเพื่อหวังกำไรแต่สภาพตลาดตอนนั้นแย่จึงต้องเลือกที่จะซื้อหุ้นคืน และการขาย PO ครั้งนี้ก็คงไม่ได้เป็นการเพิ่มการถือหุ้นของต่างชาติ เพราะไม่ได้มีสัดส่วนที่มาก และตอนนี้ต่างชาติก็ถือแค่ 24% จาก limit ที่ 25%"นางวารุณี กล่าว

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงกาใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 14,240 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และแนวราบ 10 โครงการ โดยขณะนี้มีที่ดินพร้อมสำหรับการพัฒนาบ้างแล้ว และอยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก

บริษัทเชื่อว่าความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าจะยังคงมีต่อเนื่องจากปีนี้ เชื่อว่าดีมานด์ในปีหน้ายังมีต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งก็จะสอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 53 ที่จะเติบโต 20%

นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาบ้านในโครงการบีโอไอ หลับจากที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)มาแล้ว 2 โครงการ พร้อมกันนั้น บริษัทก็จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนต่างจังหวัดเป็น 10% ภายใน 1-2 ปี จาก 5% ในปัจจุบัน โดยขณะนี้สนใจพัฒนาที่เชียงใหม่ จากที่มีการพัฒนาโครงการในภูเก็ตกับหาดใหญ่แล้ว

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศก็ได้มีการศึกษาไว้แล้ว แต่คงจะยังไม่เห็นการลงทุนในต่างประเทศในช่วง 2-3 ปีนี้ เพราะมองว่าผลกำไรที่ได้คงจะไม่แตกต่างกันมาก และการพัฒนาในต่างประเทศอาจจะมีความเสี่ยงสูงกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ