ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดและยอดการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านร่วงลงหนักสุดในรอบ 12 ปี นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นได้กระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้าเทรดในตลาดปริวรรตเงินตรา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 93.87 จุด หรือ 0.90% แตะที่ 10,332.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.90 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 1,094.90 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 36.32 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 2,156.82 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.08 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.27 พันล้านหุ้น
อดัม กัลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Direxion Funds ในนิวยอร์กกล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรอนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 103.8 จุด ซึ่งแม้ว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทรงตัวที่ 505,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. แต่จำนวนเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากสมาคมธนาคารเพื่อการจำนองของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการยื่นขอกู้จำนองในสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยความต้องการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนก็ตาม ทั้งนี้ ความต้องการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณในทางลบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าไปเทรดในตลาดปริวรรตเงินตราแล้ว ยังฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงอย่างหนัก โดยนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์กันอย่างคึกคักเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะเปราะบาง
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกแถลงการณ์ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก มูดีส์อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ด้อยสิทธิและตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (hybrid) จำนวน 775 รายการที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ 170 แห่ง ใน 36 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมกัน ราว 4.50 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยโกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากบริษัทผลิตชิพหลายแห่ง รวมถึง อินเทล คอร์ป ถูกปรับลดอันดับเครดิต โดยหุ้นอินเทลร่วงลง 4.1% หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ดิ่งลง 3.4% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 3.7%