ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific Index ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือ หลังจากเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดแนวโน้มความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากราคาโลหะและน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดร่วงลง 89.26 จุด แตะที่ 9,460.21 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดดิ่งลง 156.60 จุด แตะที่ 22,486.56 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลดลง 0.34% แตะระดับ 3,309.38 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้รูดลง 1.66 จุด หรือ 0.1% แตะที่ระดับ 1,618.88 จุดในช่วงเช้านี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักสุด หลังจากบริษัทผลิตชิพหลายแห่ง รวมถึง อินเทล คอร์ป ถูกเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดแนวโน้มความน่าลงทุน ขณะที่หุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิพที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ iPhone ของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ ดิ่งลงอย่างหนักหลังจาก เมอร์ริล ลินช์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “underperform" จากเดิมที่ระดับ “neutral"
ขณะเดียวกันหุ้นไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ เมนูแฟคเจอร์ริ่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของไต้หวัน ยังถูกปรับลดแนวโน้มความน่าลงทุนลงสู่ระดับ “neutral" จากเดิมที่ระดับ “buy" และหุ้นยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิก ถูกปรับลดลงสู่ระดับ “underperform" จากเดิมที่ระดับ “buy"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในเอเชียยังดิ่งลงหลังจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานร่วงลง ภายหลังจากสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.66% ปิดที่ 77.46 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาโลหะทองแดงที่ตลาดนิวยอร์กลดลง 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.106 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1.6%