นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) คาดว่า ภายใน 2-3 ปีหน้า มีโอกาสที่ KTC จะต้องเพิ่มทุน เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดีขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นจากปัจจุบันที่ค่าใช่จ่ายต่อคนลดลงอย่างมาก ซึ่งมั่นใจว่าปีหน้าทุกอย่างจะกลับมาดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นในช่วงนี้ KTC จึงต้องพยายามทำการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มยอดลูกค้าบัตรเครดิต โดยคาดว่าปีหน้ายอดลูกค้าบัตรใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 แสนใบ จากปีนี้ที่มียอดลูกค้าบัตรใหม่ 1.7 แสนใบ
ทั้งนี้ KTC จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการทำตลาด จึงมองว่าการเพิ่มทุนน่าจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ของบริษัทอยู่ที่ 6.6 เท่า ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อนุมัติให้สถาบันการเงินมี D/E ได้ถึง 12 เท่า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนต้องดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่เอื้ออำนวย
นายนิวัตต์ กล่าวต่อว่า ผลประกอบการในปี 53 ของ KTC อาจยังทรงตัวหรือดีขึ้นจากปีนี้เล็กน้อย เพราะสภาพแวดล้อมหลายด้านอยู่ในช่วงของการเริ่มฟื้นตัวที่ยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ ในขณะที่ปี 52 คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงจากปี 51 ค่อนข้างมาก เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ลูกค้าลดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส Corporate Finance บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) กล่าวว่า ปีหน้า KTC มีแผนจะออกหุ้นกู้อีกราว 6-7 พันล้านบาท เพื่อใช้รีไฟแนนซ์หนี้ระยะยาวที่ครบกำหนดชำระในปีหน้าจำนวน 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าช่วงไตรมาส 1/53 จะทยอยออกหุ้นกู้ราว 1-2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ KTC ยังมีแผนลดสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวให้เหลือ 70% จาก 85% ในปัจจุบัน แต่จะปรับเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ระยะสั้นเป็น 30% จาก 15% ในปัจจุบัน ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ในปี 53 จะทรงตัวจากปี 52 ซึ่งอยู่ที่ 13.5% ซึ่งลดลงจาก 13.75% ในปี 51