ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 690.41 จุด ลดลง 4.84 จุด(-0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 17,297.52 ล้านบาท โดยช่วงเช้า SET ปิดที่ระดับ 685.85 จุด ลดลง 9.40 จุด(-1.35%)
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 695.73 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 683.55 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 108 หลักทรัพย์ ลดลง 243 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 100 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงยืนในแดนลบอยู่ แต่ก็ถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้นจากที่ระหว่างเทรดดัชนีฯได้ลงไปแถว 683 จุด เนื่องจากในช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อกลับหุ้นในพลังงาน ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันฟิวเจอร์ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 70 เซนต์ ทำให้ต่างมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดไนเม็กซ์ และดูไบ น่าจะมีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นได้
นอกจากนี้ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ก็ได้ปรับตัวขึ้นด้วย ดังนั้นตลาดบ้านเราจึงได้ลดช่วงลบไป ส่วนตลาดหุ้นอื่นในแถบภูมิภาคเอเชียก็มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศในเรื่องของการเมือง และกรณีปัญหามาบตาพุดยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(24 พ.ย.)น.ส.อาภากรณ์ กล่าวว่า จะต้องรอดูตัวเลขราคาน้ำมันดิบว่าจะบวกได้แค่ไหน และจะต้องรอดูทิศทางของดัชนีค่าระวางเรือ(BDI)ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ได้ให้กรอบการแกว่งสัปดาห์นี้โดยมีแนวรับ 680-690 จุด แนวต้าน 700 จุด พร้อมแนะ"ซื้ออ่อนตัว-ขายรีบาวน์"
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,657.00 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,656.14 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,537.50 ล้านบาท ปิดที่ 504.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 927.92 ล้านบาท ปิดที่ 10.60 บาท ลดลง 0.10 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 926.92 ล้านบาท ปิดที่ 78.75 บาท ลดลง 2.75 บาท