นายสริศ พัฒนะเมลือง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยสตีลเคเบิล(TSC)คาดว่า รายได้และกำไรในปี 52 จะต่ำกว่าปีก่อนประมาณ 25% โดยในปี 51 บริษัทมีรายได้ 2.3 พันล้านบาท และกำไร 192 ล้านบาท โดยผลประกอบการของบริษัทเป็นไปตามทิศทางภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับหดตัวลงแรง โดยเฉพาะช่วงต้นปี
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/52 คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ทั้งในแง่รายได้และกำไรตามการฟื้นตัวของภาพรวมอุตสาหกรรมเช่นกัน แต่บริษัทก็มีความกังวลปัญหาการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นายสริศ กล่าวว่า แม้ผลประกอบการจะออกไม่ดีนัก แต่บริษัทยังมีความหวังว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับเดียวกับปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.50 บาท/หุ้น เพื่อตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ประกอบกับ บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งการจะจ่ายปันผลต้องรอคณะกรรมการบริษัทอนุมัติและพิจารณาการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
สำหรับในปี 53 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์และจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีนี้ เช่นเดียวกับในแง่ของกำไรก็น่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 52 เช่นกัน โดยบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีหน้าจะมาจากชิ้นส่วนรถยนต์ 55% ชิ้นส่วนจักรยานยนต์ 24% และที่เหลือเป็นการทำยางขอบกระจกรถยนต์ 28%
นายสริศ กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนประมาณ 70 ล้านบาทในปีหน้า โดยเป็นการเพิ่มเครื่องจักรและปรับปรุงเครื่องจักร แต่ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ แต่หากมีโอกาสการลงทุนขนาดใหญ่และมีข้อเสนอที่ดี บริษัทก็มีความพร้อมในการลงทุน โดยมีกระแสเงินสดกว่า 300 ล้านบาท และยังมีที่ดินเหลืออีกประมาณ 20 ไร่จากโรงงานปัจจุบันที่มีที่ดินประมาณ 50 ไร่ แต่ใช้งานเพียง 30 ไร่
ส่วนการเข้ามาถือหุ้นใน TSC เพิ่มขึ้นของกลุ่มจุฬางกูร ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร โดยนายทวีฉัตร จุฬางกูร ก็เป็น 1 ในกรรมการบริษัทอยู่แล้ว
และต่อกรณีที่มีข้อสงสัยว่าการที่กลุ่มจุฬางกูรเข้ามาถือหุ้นใน TSC เพื่อทำแบ็คดอร์ให้บริษัทไทยซัมมิทนั้น นายสริศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเจรจาหรือคุยในเรื่องนี้เลย แต่มองว่าการที่กลุ่มจุฬางกูรเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม เพราะเห็นว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโต และกลุ่มจุฬางกูรเองก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมาตั้งแต่ต้น