AH คาด Q4/52 กำไรพุ่งแรงกลบขาดทุนช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 23, 2009 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเย็บ ซู ชวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) คาดว่าในไตรมาส 4/52 จะมีผลการดำเนินที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของกำไรที่จะทำให้ลบล้างขาดทุนงวด 9 เดือนที่ขาดทุน 102 ล้านบาท และจะทำให้ทั้งปีพ้นจากภาวะขาดทุน ก่อนที่จะเติบโตขึ้นได้มากในปีหน้า ซึ่งเป็นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงปลายปีนี้เร็วกว่าที่คาดไว้

"ผมว่าในปี 53 จะดีขึ้นมาก ปีนี้เห็นแล้วใช่มั้ย ตอนแรกรถยนต์ไม่ดี ไม่มีใครสั่งกัน ตอนนี้โรงงานเริ่มผลิตแล้ว 3 โรงที่เรามีอยู่เริ่มใช้กำลังการผลิตที่มากขึ้น"นายเย็บ กล่าว

ซีอีโอ AH กล่าวว่า คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ที่เข้ามามากในขณะนี้มีทั้งจากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะออร์เดอร์ชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดเล็กประเภท B Car ที่เข้ามาทั้งค่ายฟอร์ดและมาสด้า รวมทั้ง ค่ายนิสสันที่มีออร์เดอร์เข้ามาแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/52 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/54 ขณะที่ค่ายฮอนด้านได้ออร์เดอร์มาแล้ว ซึ่งจะส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/52 และต่อเนื่องถึงปี 53

นายเย็บ กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทคาดว่าในปี 53 จะสามารถทำรายได้กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับปี 51 ที่มีรายได้ 9.5 พันล้านบาทและมีกำไรในระดับ 241 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจารับออร์เดอร์จากค่ายโตโยต้า คาดว่าจะได้ความชัดเจนและได้รับงานในปี 53 รวมถึงอยู่ระหว่างการประเมินออร์เดอร์จากค่ายทาทามอร์เตอร์และมิตซูบิชิ หากได้รับออร์เดอร์ในส่วนนี้ก็จะต้องใช้กำลังการผลิตมากถึง 50% ของโรงงานที่อยู่ หากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นต้องลงทุนสร้างโรงงานใหม่ แต่คงต้องรอดูออร์เดอร์ให้มีความชัดเจนก่อน

แต่ในส่วนของโรงงานในประเทศจีนนั้น ขณะนี้ได้มีการวางแผนลงทุนสร้างโรงงานใหม่หลังจากที่กำลังการผลิตของโรงงานในจีนเริ่มเต็มแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปการขยายโรงงานในจีนภายในปี 53 ทั้งในการซื้อที่ดินและการซื้อเครื่องจักร น่าจะใช้วงเงินเบื้องต้นราว 200-300 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทก็มีสภาพคล่องเพียงพอและมีวงเงินกู้จากธนาคารกรุงเทพอยู่ราว 2,000 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอและสามารถรองรับออร์เดอร์เพิ่มขึ้นได้

นายเย็บ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ยอดขายรถยนต์โดยรวมปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงต้นปี โดยเฉพาะยอดขายในเดือน ต.ค.ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.3 หมื่นคันและในเดือน พ.ย.52 จนถึงสิ้นปีนี้ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น โดยเห็นได้จากการออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งบริษัทในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ก็จะได้รับผลดีไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ