ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาโลหะและพลังงานยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ทะยานขึ้น 104.09 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ 5,355.50 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,251.41-5,379.48 จุด
เอียน ริชาร์ดส์ นักวิเคราะห์จากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 10.1% แตะระดับ 6.10 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2550 มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% และมากกว่าเดือนก.ย.ที่ระดับ 5.54 ล้านยูนิต/ปี
หุ้นกลุ่มเหมืองและพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาแร่อลูมินัม ตะกั่ว ดีบุก และนิกเกิ้ลปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นริโอทินโตปิดบวก 3.7% หุ้นลอนมินปิดบวก 4%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่าเฟดอาจจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดีดขึ้น 2.7% หุ้นธนาคาร HSBC ปิดบวก 2.9% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดพุ่ง 3.2% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 5%
นอกจากนี้ หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดพุ่ง 3.8% หลังจากมีรายงานว่าทางธนาคารตกลงทำธุรกรรมสวอปหุ้นกู้มูลค่า 8.78 พันล้านปอนด์ หรือ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงว่าด้วยการระดมทุนเพื่อออกจากโครงการประกันหนี้เสียของรัฐบาลอังกฤษ