TNDT เผยปี 53 เตรียมรับงานในเวียดนาม-อินโดฯ-จีน เหตุมาร์จิ้นสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2009 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) เปิดเผยทิศทางการขยายธุรกิจในปี 53 ว่า นอกจากจะมุ่งรับและประมูลงานจากผู้ประกอบการภายในประเทศแล้ว จะเป็นปีที่ TNDT ขยายเครือข่ายการรับงานออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เนื่องจากบริษัทฯมีศักยภาพและประสบการณ์เพียงพอที่จะออกรับงานในตลาดดังกล่าวซึ่งเตรียมขยายสาขาในประเทศเวียดนามภายในเดือน ม.ค. 53 และภายใน 2 ปีข้างหน้าบริษัทฯเตรียมจะจัดตั้งสาขาเพื่อรับงานในประเทศอินโดนีเซียด้วย

"ในต่างประเทศที่จะเริ่มเข้าไปรับงานคงจะเริ่มจาก 3 ประเทศหลักๆ คือ เวียดนาม อินโดฯ และจีน ซึ่งภายใน 4 เดือนข้างหน้า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของบริษัทฯ และภายใน 2-3 ปีข้างหน้าได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากงานในต่างประเทศอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สัดส่วนงานในต่างประเทศไม่ถึง 1% หลังจากพบว่างานต่างประเทศมีมาร์จิ้น (อัตรากำไรขั้นต้น) อยู่ในระดับที่ดีไม่ต่ำกว่า 30% ในขณะที่งานในประเทศมี มาร์จิ้นอยู่ ที่ 30%" นางสาวชมเดือนกล่าว

ส่วนการขยายธุรกิจในประเทศ บริษัทฯได้จัดตั้งศูนย์ที่จังหวัดระยอง เพื่อใช้เป็นศูนย์บริการทดสอบ และตรวจสอบด้านวิศวกรรมบริการ และใช้เป็นศูนย์ประสานงานหน่วยปฏิบัติการของบริษัท และกลุ่มลูกค้าทั่วราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพและความรวดเร็วในการให้บริการเป็นการลดต้นทุนในการเดินทางและขนส่ง ซึ่งจะส่งผลให้การควบคุมต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันมุ่งงานที่เป็นงานเทคโนโลยีขั้นสูง เพราะมีอัตราค่าตอบแทนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการตรวจสอบแบบดั้งเดิม

ล่าสุดบริษัทฯได้นำการตรวจสอบรูปแบบ Acoustic Emission (AE) โดยใช้เครื่องมือรุ่นที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยที่สุด พร้อมบุคลากรที่ได้การรับรองตามมาตรฐานสากลระดับสูงสุดในปัจจุบันมาใช้เป็นรายแรก ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับการยอมรับเทคนิคนี้จากลูกค้ามาก่อน และเชื่อว่าการขยายธุรกิจให้ครบวงจรอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว นางสาวชมเดือน กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในปี 52 ว่า มั่นใจว่าทำรายได้ทะลุ 300 ล้านบาทได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากรายได้รวมในงวด 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 210 ล้านบาทและไตรมาสสุดท้ายของปีจะรับรู้รายได้จากงานในมือ(Backlog) อีกประมาณ 100 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/52 ทั้งสิ้น 370 ล้านบาท

ส่วน Backlog ที่เหลืออีก 270 ล้านบาท จะเป็นงานที่รอรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า ดังนั้น หากมองจากในขณะนี้ก็ทำให้มั่นใจได้อีกว่าในปี 53 บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งยังไม่รวมงานที่ประมูลใหม่ที่คาดว่าจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวทำให้ภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดยในปี 53 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 360 ล้านบาท หรือ ขยายตัว 20% จากปี 2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ