นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) มั่นใจว่า รายได้ในปี 52 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% จาก 1.7-1.8 หมื่นล้านบาทในปี 51 โดยจะพยายามทำรายได้ 2 หมื่นล้านบาท
ล่าสุด บริษัทประกาศเปิดตัวโครงการช้อปปิ้งหรู Terminal 21 แหล่งช้อปปิ้งมอลล์ มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ใจกลางเมือง ย่านสุขุมวิท ซึ่งถือเป็นโครงการค้าปลีกแห่งแรกที่ LH ทุ่มทุนสร้าง เจ้าของโครงการคือบริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง LH และ Government Investment Of Singapore (GIC) โดยมีบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นผู้บริหารโครงการ Terminal 21
"ตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 10% ต่อปี ส่วนจุดคุ้มทุน ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เอามันส์ไว้ก่อน"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการพัฒนาแหล่งช้อปปิ้งมอลล์ลักษณะนี้ โดยเฉพาะตามบริเวณจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้ากับรถใต้ดิน โดยขึ้นอยู่กับจังหวะโอกาสและความเหมาะสม
*ตั้งเป้าคนใช้บริการ Terminal 21 วันละ 50,000-80,000 คน
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ และเป็นผู้บริหารโครงการ Terminal 21 โครงการ Terminal 21 แหล่งช้อปปิ้งมอลล์ มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ว่า โครงการนี้บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ ในเครือ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เป็นเจ้าของโครงการ และจะบริหารโครงการโดยบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
สำหรับ Terminal 21 เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด"มาร์เก็ตสตรีท" แห่งแรกในเมืองไทยที่บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา บริเวณแยกอโศก ถนนสุขุมวิท บริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT ใกล้กับแหล่งธุรกิจสำคัญ สถานศึกษา โรงแรม และแหล่งพักอาศัยพื้นที่รวมของอาคาร 145,000 ตารางเมตร มีพื้นที่ในส่วนให้เช่า 4 หมื่น ตารางเมตร
ภายในโครงการจะมีการจำลองบรรยากาศร้านค้ามาจากถนนแฟชั่นที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ ปารีส โตเกียว ลอนดอน อิสตันบูล ซานฟรานซิสโก แคริบเบียน และโรม ประกอบด้วย ช้อปปิ้งมอลล์ 9 ชั้น และโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับ 5 ดาว 20 ชั้น ซึ่งอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะทำเป็นโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และโดดเด่นด้วยบันไดเลื่อนกลางยาวถึง 36 เมตร
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่จอดรถ 1,100 คัน ภายในศูนยการค้าดังกล่าวจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก คือ แฟชั่น ฟู้ดส์ และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เช่น โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ซีเนม่า 7 โรง พื้นที่รวม 5,000 ตารางเมตร จุคนดูได้ 1,500 ที่นั่ง, พื้นที่โซนฟิตเนสเซ็นเตอร์และสปา 2,400 ตารางเมตร, พื้นที่ศูนย์อาหาร 2,500 ตารางเมตร พร้อมร้านอาหารมากกว่า 50 ร้าน, พื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Take Home มากกว่า 1,000 ตารางเมตร และร้านแฟชั่นแบรนด์เนม และ Urbanista Shop มากกว่า 600 ร้าน
Terminal 21 มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ใช้รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ผลัดเปลี่ยนมาใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน อย่างไรก็ตาม Terminal 21 จะเน้นคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ เป็นกลุ่มคนวัยทำงานระดับรายได้ปานกลางเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะ Terminal 21 จะเปิดบริการปลายปี 54 โดยในช่วงเปิดตัวจะใช้งบการตลาดประมาณ 50 ล้านบาท ในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับรู้ ตั้งเป้าลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณวันละ 50,000-80,000 คน/วัน และประมาณการรายได้ไว้ประมาณปีละประมาณ 1,600 ล้านบาท/ปี แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าประมาณ 1,000 ล้านบาท/ปี และที่เหลืออีกประมาณ 600 ล้านบาทเป็นรายได้จากในส่วนที่เป็นโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์และจะเริ่มมีรายได้จากค่าเช่าในปี 55
ด้านอัตราค่าเช่าสำหรับผู้เช่าร้านค้ารายเล็กจะเริ่มต้นที่ 40,000 บาท/เดือน สำหรับห้องขนาด 10 ตารางเมตร ส่วนผู้ค้ารายใหญ่จะเริ่มต้น 2,000-3,000 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทมีแผนพิจารณาปรับขึ้นค่าเช่า ขึ้นอยู่กับยอดขายและความเหมาะสม โดยจะพิจารณาตามรอบสัญญา คือ 1-3 ปี ยกเว้นเอส เอฟซีเนม่า ที่ทำสัญญาเช่า 10 ปี