EASTW คาดปี 52 กำไรพุ่ง 40%, ทบทวนงบลงทุน 5 ปีให้สอดคล้องไทยเข้มแข็ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2009 17:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW)คาดว่า กำไรสุทธิในปี 52 จะเติบโตได้ถึง 40% จากปี 51 เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกสามารถเติบโตได้ถึงระดับดังกล่าวแล้ว และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีน่าจะรักษาระดับการเติบโตเอาไว้ได้

ในแง่รายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่จะเติบโตประมาณ 10-15% จากปี 51 ภายใต้คาดการณ์ปริมาณขายน้ำที่ 219 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 215 ล้าน ลบ.ม.เล็กน้อย ซึ่งจากการที่บริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายน้ำ และมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ ได้ลดค่าใช้จ่ายทุกด้าน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนการบริหาร ทำให้อัตรากำไรสุทธิเติบโตได้ในระดับที่ดี

ส่วนในปี 53 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตในระดับ 8-10% โดยปริมาณขายน้ำรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 239 ล้าน ลบ.ม.โดยบริษัทจะพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดีเช่นเดียวกับปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหาการลงทุนในมาบตาพุดต้องไปชะงัก ทำให้มีบริษัทประเมินว่าหากในปีหน้ายังไม่สามารถเดินหน้าการลงทุนได้ก็จะส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายน้ำประมาณ 3% ซึ่งถือว่าไม่มากนัก

*ทบทวนแผนลงทุน 5 ปีหลังไทยเข้มแข็งเน้นพัฒนาแหล่งน้ำดิบ-ปี 53 ตั้งงบแค่ 1 พันลบ.

นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนงบลงทุนในแผน 5 ปี(52-56) ที่กำหนดไว้ 3.6 พันล้านบาท หลังจากที่รัฐบาลมีโครงการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำดิบภายใต้ไทยเข้มแข็งปี 2555 ทำให้ความจำเป็นที่บริษัทจะต้องลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำดิบเองลดลง ซึ่งในปี 53 บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 1 พันล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการวางท่อส่งน้ำ และปรับปรุงคุณภาพท่อส่งน้ำ ได้แก่ โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุด เส้นที่ 3 เป็นต้น ลดลงจากงบลงทุนในปี 52 ที่อยู่ในระดับ 2.2 พันล้านบาท

"แผนลงทุนบริษัทปรับลดลง เพราะรัฐบาลเร่งพัฒนาแหล่งน้ำดิบ บริษัทจึงไม่จำเป็นต้องทำซ้ำซ้อน" นายประพันธ์ กล่าว

ส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้เข้ามาเสริมกับธุรกิจหลักนั้น นายประพันธ์ คาดว่า จะมีความชัดเจนในการลงทุนธุรกิจพลังงานทางเลือกในปี 53 ซึ่งได้เตรียมการและบุคคลากรมากกว่า 2 ปี ส่วนการเข้าไปลงทุนในธุรกิจน้ำในต่างประเทศ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ยังอยู่ระหว่างเจรจา

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีภาระที่จะต้องคืนหนี้เงินกู้ให้กับธนาคารกรุงไทย (KTB) ให้หมดภายในเดือน ธ.ค.52 โดยมีวงเงินเหลืออยู่อีก 365 ล้านบาท เพื่อประหยัดต้นทุนดอกเบี้ย

นายประพันธ์ คาดว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังของปี 52 ได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่จ่ายไป 0.10 บาท/หุ้น โดยริษัทพยายามจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมาก็จ่ายไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ