ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 17.24 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 25, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดติดลบไม่มากนักหลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านใน 20 เขตเมืองที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มในภาคอสังหาริมทรัพย์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 17.24 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 10,433.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.59 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,105.65 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 6.83 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 2,169.18 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 952 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.87 พันล้านหุ้น

โฮเวิร์ด วาร์ด หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท GAMCO Growth Fund กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้การประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งที่สองว่าขยายตัวเพียง 2.8%ต่อปี เมื่อเทียบกับการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัว 3.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากยอดขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นรุนแรง และยอดค้าปลีกที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย

ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 49.5 จุด ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ระดับ 48.7 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 47.7 จุด แต่ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 9.1% ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย

เคน เมย์แลนด์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ClearView Economics LLC ในรัฐโอไฮโอของสหรัฐ กล่าวว่า ยอดขายบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและอัตราการปล่อยกู้ซื้อบ้านที่ลดลงในปีนี้ ช่วยพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม กำลังการซื้อบ้านและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงถูกกระทบจากอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ

หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 0.7% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกนร่วง 1.9% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ถ่วงดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ แตะที่ 76.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

หุ้นบริษัทด้านสุขภาพทะยานขึ้น โดยหุ้นเมดทรอนิก อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังจากบริษัทรายงานกำไรรายไตรมาสทะยานขึ้น 59% พร้อมกับปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ปี 2552 หลังจากยอดขายพุ่งสูงขึ้น ขณะที่หุ้นเซนท์ จู๊ด เมดิคอล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ดีดตัวขึ้น 4% และหุ้นบอสตัน ซายเอ็นติฟิก ดีดขึ้น 4.9%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์นี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญสหรัฐในวันพุธนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนต.ค. รวมทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.

ส่วนวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากหน่วยงานของรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ