ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ลดลงจากการประมาณการครั้งก่อน ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ในตลาดหุ้นลอนดอน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 31.54 จุด แตะที่ 5,323.96 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,309.13-5,374.89 จุด
ฟิลิป ยิลเล็ต นักวิเคราะห์จาก IG Index ในลอนดอน กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงทันทีหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งที่สองว่าขยายตัวเพียง 2.8%ต่อปี เมื่อเทียบกับการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัว 3.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากยอดขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นรุนแรง และยอดค้าปลีกที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย
หุ้นกลุ่มธนาคารฉุดดัชนี FTSE 100 ร่วงลงอย่างหนัก โดยธนาคาร HSBC ปิดลบ 0.2% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 2.2% หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดร่วง 3.3% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปิดลบ 4%
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐได้ฉุดราคาโลหะและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงด้วย โดยหุ้นอันโตฟากัสตา ปิดลบ 0.4% หุ้นริโอ ตินโต ปิดร่วง 1.2% หุ้นคาซัคมิส ปิดร่วง 2% หุ้นเอ็กซ์สตราตา ปิดร่วง 2.5% และเวแดนตา รีซอร์สเซสร่วง 3%
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ หลังจากมีรายงานคาดการณ์ว่าราคาบ้านในอังกฤษมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปีหน้า และอาจใช้เวลานานจนกว่าจะถึงปี 2557 กว่าที่ราคาบ้านจะฟื้นตัวกลับเข้ามาเท่ากับระดับสูงสุดเมื่อปี 2549
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ราคาบ้านในอังกฤษจะลดลงเฉลี่ยที่ระดับ 1.6% ในปีหน้า หลังจากที่ดีดตัวดีเกินคาดในปีนี้
ฮาลิแฟกซ์ รายงานว่า ราคาบ้านในอังกฤษเดือนก.ย.2550-เม.ย.2552 ดิ่งลง 23% และราคาบ้านยังคงอยู่ในระดับที่เท่ากับเมื่อปี 2548 หลังจากที่ตลาดปล่อยกู้จำนองขาดทุนหนักจนส่งผลให้เกิดวิกฤตสินเชื่อทั่วโลก