นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ตั้งเป้าหมายในปี 53 จะมีส่วนแบ่งตลาดในการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ประมาณ 25% หรือคิดเป็นมูลค่า 56,250 ล้านบาท จากมูลค่ารวมประมาณ 225,000 ล้านบาท เทียบกับปีนี้ที่คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 18% จากมูลค่าประมาณ 347,100 ล้านบาท
ส่วนการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองในปีหน้าคาดว่าจะมีมูลค่า 3.5 ล้านล้านบาท โดย KBANK ตั้งเป้าคงความเป็นผู้นำในในการซื้อขายด้วยมูลค่าประมาณ 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% จากในปี 52 ที่คาดว่าจะมีปริมาณซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองมากกว่า 3.2 ล้านล้านบาท โดย KBANK เป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.5 แสนล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 13.9%
นายธิติ กล่าวว่า ภาคธุรกิจจะเริ่มมีสภาพคล่องที่สูงขึ้นในปีหน้า ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเช่นกัน จึงทำให้ความต้องการออกหุ้นกู้โดยภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะลดลง และคาดว่าจะมีการหันไปใช้แหล่งเงินทุนที่มีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น เช่น เงินกู้ในรูปแบบสินเชื่อร่วม (Syndicated Loan) และสินเชื่อโครงการ (Project Finance) ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงกว่าการออกหุ้นกู้ ทั้งในด้านการเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ และความยืดหยุ่นในการจ่ายคืนเงินกู้
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 53 จะมีปริมาณการปล่อยสินเชื่อร่วมโดยธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบที่ประมาณ 130,000 ล้านบาท ซึ่ง KBANK เชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการจะทำให้ธนาคารยังคงเป็นผู้นำในการจัดการปล่อยสินเชื่อร่วม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 30%
นายธิติ กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ การให้สินเชื่อโครงการ (Project Finance) เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของรัฐ และสินเชื่อแก่ธุรกิจพลังงาน ในกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP Projects) โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสขยายตัวสูงและได้รับความสนับสนุนจากภาครัฐ
KBANK ตั้งเป้าที่จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการให้สินเชื่อโครงการพลังงานทางเลือก อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยคาดว่าในปี 53 จะมีการลงทุนในโครงการธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 175,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจตลาดทุนในปีหน้าจะมุ่งเน้นการสนอบริการแบบครบวงจรที่มีความสอดคล้องกับภาวะตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการเป็นผู้จัดการสินเชื่อร่วม (Loan Mandated Arrangers) และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ภาคเอกชน และครองตำแหน่งผู้นำในการเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) อีกด้วย
นอกจากนี้ KBANK ยังจะสร้างความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด ด้วยบริการให้คำปรึกษาทางการเงินในการทำธุรกรรมซับซ้อน ในการเข้าซื้อกิจการของภาคธุรกิจและนักลงทุน อาทิ Acquisition Financing, Management Buyout, และ Leveraged Buyout รวมทั้งการให้บริการข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่แม่นยำ โดยที่ผ่านมางานวิจัยด้านธุรกิจตลาดทุนของธนาคาร ฯ ได้รับการยกย่องให้เป็นงานวิจัยอันดับหนึ่ง ของสถาบันการเงินในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดทางธุรกิจและการลงทุนที่วางไว้