บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย จำกัด (PTTEP Australasia) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่กลับเข้าไปสำรวจบริเวณแท่นเจาะเวสต์แอตลาสและแท่นหลุมผลิตมอนทารา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลติมอร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อประเมินความเสียหายและความปลอดภัยของพื้นที่
โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสำนักงานควบคุมความปลอดภัยในการสำรวจปิโตรเลียมนอกชายฝั่งแห่งชาติ (NOPSA) ได้อนุญาตให้ ซีดริลล์ (Seadrill) ซึ่งเป็นเจ้าของแท่นเจาะเวสต์แอตลาส และพีทีทีอีพี ซึ่งเป็นเจ้าของแท่นหลุมผลิตมอนทารา กลับเข้าไปสำรวจความปลอดภัยในสถานที่เกิดเหตุได้
อันที่จริงทางบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจทำให้ต้องเลื่อนปฏิบัติการดังกล่าวออกไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ 3 คนจากทีมสำรวจ ALERT Well Control ได้ใช้เวลา 7 ชั่วโมงครึ่งในการสำรวจแท่นเจาะเวสต์แอตลาสเพื่อประเมินสภาพของแท่นเจาะ และเมื่อวันจันทร์ทีมงานก็ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่เพื่อประเมินความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกครั้ง
ผลการประเมินเบื้องต้นระบุว่า อุปกรณ์บนแท่นเจาะและพื้นที่เกือบทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเพลิงไหม้และน้ำมันที่รั่วไหล สำหรับจุดที่ทีมสำรวจให้ความสำคัญที่สุดคือคานเหล็กที่รองรับแท่นเจาะซึ่งงอผิดรูปเพราะถูกความร้อนจากเพลิงไหม้
“พีทีทีอีพีจะประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่เราจะเริ่มปฏิบัติการอุดรูรั่วในแหล่งน้ำมันต่อไป ความปลอดภัยของบุคลากรยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา" โฮเซ่ มาร์ตินส์ ผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของพีทีทีอีพี กล่าว