นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการจัดการกองทุนได้มีมติเมื่อ 24 พ.ย.52 อนุมัติแผนกลยุทธ์การเสนอขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) ที่กองทุนฟื้นฟูฯถืออยู่ 47.58% หรือ จำนวน 1,005,330,950 หุ้น ให้แก่ Strategic Partner โดยวิธีการประมูลแก่ผู้ลงทุนที่มีความเหมาะสม ตามข้อเสนอของ บล.ทิสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยกระบวนการขายหุ้นจะเริ่มต้น โดยที่ปรึกษาทางการเงินจะส่งเอกสารเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ในวันที่ 25 พ.ย.52 และกำหนดให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลเสนอราคาประมูลรอบแรก ประมาณกลางเดือน ธ.ค.52
หลังจากนั้นกองทุนฟื้นฟูฯจะทำการพิจารณาคัดเลือกผู้สนใจเข้าร่วมประมูลในจำนวนที่เหมาะสมเข้าทำ Due Diligence ประมาณ 5-6 สัปดาห์ และให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลเสนอราคาประมูลรอบสุดท้ายภายในเดือน ม.ค.53
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 52 SCIB มีสินทรัพย์จำนวน 398,967 ล้านบาท คิดเป็นอันดับ 7 ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย มีสำนักงานสาขากว่า 400 แห่ง มี ATM 1,695 เครื่อง มีใบอนุญาตและมีบริษัทในเครือที่ให้บริการทางการเงินที่ครบถ้วน ทั้งธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต ลิสซิ่ง และธุรกิจหลักทรัพย์
นางทองอุไร กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลทุนหลายรายทั้งในและต่างประเทศ สนใจที่จะซื้อหุ้น SCIB ซึ่งภายใน ธ.ค.52 ที่ปรึกษาทางการเงินจะจัดส่งข้อมุลของธนาคารให้นักลงทุนที่สนใจ หลังจากนั้นจะเปิดให้ยื่นเอกสารแสดงความสนใจและแผนงานต่างๆ เพื่อพิจารณาคัดเลือกในรอบแรก ภายในกลาง ธ.ค.52 หลังจากนั้น ธปท.จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นประมูลและเข้าสู่ขั้นตอนการทำ Due Diligence ที่คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 สัปดาห์ ก่อนยื่นซองประมูลราคาในเดืนอ ม.ค. 53 และคาดว่าจะสรุปการขายได้ในไตรมาส 1/53
ทั้งนี้เหตุผลที่ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เสนอแนะวิธีจัดการหุ้น SCIB โดยการขายหุ้นทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้สภาวะการเงินโลกมีสภาพคล่องสูง เศรษฐกิจเอเซียโดยเฉพาะจีนมีความเข้มแข็ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเซียจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุน ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงเลือกแนวทางขายหุ้นทั้งหมด จากหลายแนวทาง ทั้งการถือเก็บไว้ การควบรวมกับธนาคารอื่น การขายหุ้นบางส่วน และขายหุ้นทั้งหมด
ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ เห็นว่า การให้กองทุนฟื้นฟูฯขายหุ้น SCIB ทั้งหมดจะทำให้มีคอนโทรล พรีเมี่ยม และเป็นข้อดีสำหรับธนาคารเอง และระบบสถาบันการเงิน โดยเชื่อว่าพันธมิตรรายใหม่ที่เข้ามา จะนำผลิตภัณฑ์การเงินและใหม่นวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ธนาคารเพื่อเพิ่มความแข้มแข็ง แม้ SCIB เป็นธนาคารอันดับ 7 มี เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) อยู่ระดับสูง แต่หากต้องการแข่งขันในตลาดได้ดี ต้องเพิ่มอันดับของธนาคารเป็นอันดับ 4-5 ซึ่งต้องใช้เงินทุนมาก และอาจต้องเพิ่มทุนในอนาคต เพราะ เกณฑ์ BIS ที่จะปล่อยกู้ลูกค้ารายใหญ่ ติดเพดาน 25%ของเงินกองทุน ขณะที่หากได้พันธมิตรทางธุรกิจเป็นนักลงทุนไทยเมื่อรวมกับธนาคาร เชื่อว่าช่วยสร้างโครงสร้างทุนให้เข้มแข็ง โดยมี Economy of skill สูงขึ้น
ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวยืนยันว่า การขายหุ้น SCIB ครั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯไม่ได้มีการกำหนดราคากลางในการขายหุ้น แต่เปิดกว้างขึ้นอยู่กับข้อเสนอแต่ละราย แต่หากเสนอราคาที่ต่ำมากก็พร้อมที่จะขายหุ้นเช่นกัน
"ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเก็บของถูก เป็นของดี เราจะไม่ขายถูก เราอยากได้พาร์ทเนอร์ที่ตั้งใจเข้ามาลงทุนในไทย แต่ถ้าเป็นไทย ก็ต้องตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนาแบงก์นี้" ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าว