ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 26, 2009 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,464.40 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,110.63 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 2,176.05 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 795 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.41 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานลดลง 35,000 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลือเพียง 466,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ แม้ตัวเลขว่างงานที่ลดลงบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานในสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากอัตราว่างงานในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกจนถึงต้นปีหน้า

ขณะเดียวกันสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.2% แตะระดับ 430,000 ยูนิต/ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% แตะที่ 405,000 ยูนิต/ปี

นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนต.ค.ที่ดีดตัวขึ้น 0.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากร่วงลง 0.6% ในเดือนก.ย. โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้โครงการนำรถยนต์เก่าแลกรถใหม่ ซึ่งช่วยให้ชาวอเมริกันมีกำลังซื้อมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้นั้นค่อนข้างผันผวน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ดิ่งลง 0.6% ทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

นักวิเคราะห์หลายคนในย่านวอลล์สตรีทแสดงความเห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนและถอยร่นลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวันก็เพราะนักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ในขณะนี้

กระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมายอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของเฟดอาจก่อให้เกิดการเก็งกำไรที่รุนแรงในตลาดการเงิน และอาจขัดขวางเป้าหมายเงินเฟ้อต่ำของเฟด อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2553 และ 2554 ดดยคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ช่วง 9.3 - 9.7% ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 - 9.8%

สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้นหลังจากบริษัท ทิฟฟานี แอนด์ โค เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยหุ้นทิฟฟานีปิดพุ่ง 4.9% หุ้นแซคส์ ปิดบวก 5.2% หุ้นนอร์ดสตร็อมปิดพุ่ง 3.4%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ