น.ส.ปาหนัน โตสุวรรณถาวร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการเงิน บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ในปี 52 เพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 10% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 6% เนื่องจากปริมาณการจราจรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2%จากปีก่อน เดิมก่อนหน้านี้ที่บริษัทประเมินว่าปริมาณจราจรปีนี้อาจไม่เติบโต โดยปี 51 บริษัทมีปริมาณการใช้ทางด่วน 9.24 แสนคันต่อวัน
ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.52 ปริมาณการใช้ทางด่วนอยู่ที่ 977,000 คัน/วัน เพิ่มขึ้น 5.84% จากเดือน ต.ค.51 และมีสัญญาณบวกต่อเนื่องถึงสิ้นปี รวมทั้งได้รับผลดีจากการปรับขึ้นค่าทางด่วนจาก 40 บาท เป็น 45 บาท สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ
"เราได้มีการปรับเป้ารายได้ เพราะเราเห็นว่าปริมาณการใช้รถยนต์ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น และถือว่าเป็นการปรับเป้าครั้งแรก"น.ส.ปาหนัน กล่าว
ส่วนในปี 53 บริษัทประเมินว่ารายได้น่าจะเติบโต 2% จากปี 52 ตามปริมาณการใช้ทางด่วนที่จะเติบโตในอัตราเดียวกันคือ 2% เป็นผลจากการเปิดทำการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเต็มรูปแบบในปีหน้า ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปี 53 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงปี 52 ที่ประมาณ 70%
น.ส.ปาหนัน กล่าวว่า ปริมาณเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าทำงานศูนย์ดังกล่าวมีอยู่ราว 6 หมื่นคน/วัน และประชาชนที่จะเดินทางมาใช้บริการประมาณ 2 หมื่นคน/วัน ดังนั้น แนวโน้มการใช้ทางด่วนจะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเห็นได้จากในช่วงเดือน พ.ค.52 ที่ศูนย์ราชการเริ่มทยอยเปิด ส่งผลให้การใช้ทางด่วนแจ้งวัฒนะเติบโต 5%
ส่วนการปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์สูงขึ้นมาก น.ส.ปาหนัน คาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัท โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้ทางด่วนกับบริษัท ประมาณ 3 พันคันต่อวัน จากปัจจุบันที่มีปริมาณรถ 8 หมื่นคันต่อวันใช้เส้นดอนเมืองโทลเวย์ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้เพิ่มเข้ามาบริษัทประมาณ 24 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทแผนที่จะออกหุ้นกู้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และอัตราดอกเบี้ย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยปีนี้บริษัทได้ออกหุ้นกู้ วงเงิน 2 พันล้านบาทเพื่อใช้คืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนปีหน้าจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาท