ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงหนักสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของดูไบ เวิลด์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 170.68 จุด ปิดที่ 5,194.13 จุด หลังจากรัฐบาลดูไบยอมรับว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ของรัฐบาลซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ กำลังขอเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า อีกทั้งยังได้ว่าจ้างให้ ดีลอยท์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชีระดับโลก ให้เป็นที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างการเงินของบริษัท
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" ซึ่งความเคลื่อนไหวของรัฐบาลดูไบในครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนจำนวนมากเนื่องจาก เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพิ่งมีข่าวให้นักลงทุนได้สบายใจว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ดูไบจะสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัท บอร์ส ดูไบ ถือหุ้นอยู่ 21% ดิ่งลง 7.4% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่หุ้นธนาคารที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับดูไบ เวิล์ด ดิ่งลงถ้วนหน้า รวมถึงธนาคาร HSBC ร่วงลง 4.8% ส่วนหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปิดร่วงลงกว่า 5%
หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดร่วง 4.7% หุ้นริโอทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ดิ่งลง 4.8% หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนร่วงลงเมือคืนนี้ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกทองแดงจะปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนหุ้นเลกัล แอนด์ เจนเนอรัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ปิดร่วง 7.4% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “sell" จากเดิมที่ระดับ “hold"