นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เชื่อว่า กรณีรัฐดูไบ ขอเลื่อนการชำระหนี้จำนวนมหาศาลที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ไม่น่าจะผลกระทบต่อแผนงานที่บริษัทจะรับบริหารโรงแรมใหม่ของ"นาคีล"ขนาด 300 ห้อง 1 แห่งในดูไบในปี 55 เนื่องจากระยะเวลายังอีกนาน กว่าจะถึงจุดนั้นปัญหาต่าง ๆ ก็น่าจะคลี่คลายไปแล้ว
"ในดูไบมี Project หนึ่งซึ่งลงทุนโดยบริษัทที่ชื่อว่า นาคีล ซึ่งลงทุนในโรงแรมที่เรามีแผนจะเข้ารับบริหารโรงแรมที่ดูไบ 1 แห่ง กว่าจะแล้วเสร็จตามสัญญา จะเปิดในปี 2012 ซึ่งก็อีกตั้ง 3 ปี แต่เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง"นางสาวประภารัตน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท นาคีล เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หมู่เกาะเป็นรูปต้นปาล์มที่มีชื่อเสียงของดูไบ และเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ ในเครือดูไบ เวิลด์ ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระคืนหนี้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ที่ครบกำหนดในเดือน ธ.ค.นี้ จากหนี้สิ้นที่มีทั้งหมด 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นางสาวประภารัตน์ กล่าวว่า หากประเมินสถานการณ์ในแง่เลวร้ายสุดว่าแผนงานเข้าบริหารโรงแรมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นแค่ 1 ในอีกกว่า 11 โรงแรมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่บริษัทมีแผนจะเข้ารับบริหารงานหลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว และจะทยอยเปิดบริการภายใน 5 ปีนับจากนี้ อาทิ โมรอกโค แอฟริกา โอมาน จีน อินเดีย ฯลฯ ยังไม่รวมโรงแรมที่มัลดีฟ ลักษณะ Pool Villa จำนวน 84 ห้อง และอีก 1 แห่งในกรุงเทพฯ ซึ่ง 2 แห่งบริษัทเป็นผู้ลงทุนเองและจะเปิดในปี 53
ปัจจุบัน MINT มีโรงแรมในเครือประมาณ 30 โรงแรมทั่วโลก และมีแผนจะเปิด 11-12 โรงแรมภายใน 5 ปีนี้ รวมกว่า 6,000 ห้อง
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังพยายามมองหาโอกาสที่จะเข้ารับบริหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนโรงแรมในอาบูดาบีที่บริษัทเข้ารับบริหารเช่นกันนั้นเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 โรงแรม ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้
"อาบูดาบีและดูไบ มีการปกครองที่แยกออกจากกัน และเศรษฐกิจระหว่างอาบูดาบีกับดูไบก็คนละเรื่องเลย อีกอย่างเป็นโรงแรมที่เราไม่ได้ลงทุน แค่รับบริหารอย่างเดียว"นางสาวประภารัตน์ กล่าว