นายโสฬส ตั้งในธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ทาพาโก้(TAPAC) มั่นใจว่า ผลประกอบการในงวดปี 52 ที่ปิดงบการเงินในเดือน ต.ค.52 จะมีกำไรสุทธิสูงกว่างวดปี 51 ที่มีกำไร 23.8 ล้านบาท เป็นผลจากการที่บริษัทสามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและไม่มีภาระการตัดค่าเสื่อมราคา จึงทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นได้แม้ว่ารายได้จะปรับลดลงประมาณ 9-10% จากงวดปี 51 ที่มีรายได้ 428 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม งวดปี 53 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 20% เนื่องจากคาดว่าจะมีออเดอร์ใหม่จากกลุ่มลูกค้าเดิมที่เพิ่มสินค้าโมเดลใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ประกอบกับ ภาพรวมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นายโสฬส กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการเพิ่มทุนหรือออกวอร์แรนต์เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือน ก.พ.53 ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น โดยขณะนี้บริษัทมีภาระที่จะต้องระดมทุนมาใช้ในการลงทุนขยายกำลังการผลิต ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากการระดมทุนและส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้
"เราเคยใช้วิธีการแตกพาร์ จาก 5 บาทมาเป็น 1 บาทเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น แต่ก็ไม่เห็นผลเท่าไหร่ และมีผู้ถือหุ้นแนะนำว่าหุ้นใน MAI มีวอร์แรนต์ทุกตัวแล้วเหลือเพียง TAPAC ก็มีโอกาสที่เราจะเพิ่มสภาพคล่องด้วยวิธีนี้"นายโสฬส กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20-25% โดยเริ่มก่อสร้างโรงงานใหม่ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.52 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.53 โดยใช้เงินลงทุน 47 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 60 ล้านบาทจะใช้ในการลงทุนเครื่องจักร เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้มีการลงทุนเพิ่มเติมตั้งแต่ได้เข้าระดมทุนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตตอนนี้เพิ่มขึ้นมาถึง 90-95% และบางช่วงมีการเดินเครื่อง 24 ชม.
สำหรับการจ่ายปันผลงวดปี 52 คาดว่าจะจ่ายปันผลมากกว่าปี 51 ที่จ่าย 0.15 บ/หุ้น ทั้งนี้เนื่องจากกำไรเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท