(เพิ่มเติม) MINTไม่ห่วงกรณีดูไบกระทบงานบริหารโรงแรมเหตุยังอีกนาน-มีรอ11แห่งทั่วโลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 27, 2009 11:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เชื่อว่า กรณีรัฐดูไบ ขอเลื่อนการชำระหนี้จำนวนมหาศาลที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ไม่น่าจะผลกระทบต่อแผนงานที่บริษัทจะรับบริหารโรงแรมใหม่ของ"นาคีล"ขนาด 300 ห้อง 1 แห่งในดูไบในปี 55 เนื่องจากระยะเวลายังอีกนาน กว่าจะถึงจุดนั้นปัญหาต่าง ๆ ก็น่าจะคลี่คลายไปแล้ว

"ในดูไบมี Project หนึ่งซึ่งลงทุนโดยบริษัทที่ชื่อว่า นาคีล ซึ่งลงทุนในโรงแรมที่เรามีแผนจะเข้ารับบริหารโรงแรมที่ดูไบ 1 แห่ง กว่าจะแล้วเสร็จตามสัญญา จะเปิดในปี 2012 ซึ่งก็อีกตั้ง 3 ปี แต่เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง"นางสาวประภารัตน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

อนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท นาคีล เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หมู่เกาะเป็นรูปต้นปาล์มที่มีชื่อเสียงของดูไบ และเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ ในเครือดูไบ เวิลด์ ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระคืนหนี้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ที่ครบกำหนดในเดือน ธ.ค.นี้ จากหนี้สิ้นที่มีทั้งหมด 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นางสาวประภารัตน์ กล่าวว่า หากประเมินสถานการณ์ในแง่เลวร้ายสุดว่าแผนงานเข้าบริหารโรงแรมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นแค่ 1 ในอีกกว่า 11 โรงแรมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่บริษัทมีแผนจะเข้ารับบริหารงานหลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว และจะทยอยเปิดบริการภายใน 5 ปีนับจากนี้ อาทิ โมรอกโค แอฟริกา โอมาน จีน อินเดีย ฯลฯ ยังไม่รวมที่จะเปิดในปี 53คือ โรงแรมอนันตรา มัลดีฟ ลักษณะ Pool Villa จำนวน 84 ห้อง และอีก 1 แห่งในกรุงเทพฯ คือ เซนท์รีจีส ซึ่งเป็นโรงแรม 200 ห้องและมีคอนโดฯอีก 53 ยูนิต โดยทั้ง 2 แห่งนี้บริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง

ปัจจุบัน MINT มีโรงแรมในเครือประมาณ 30 โรงแรมทั่วโลก และมีแผนจะเปิด 11-12 โรงแรมภายใน 5 ปีนี้ รวมกว่า 6,000 ห้อง

นอกจากนี้ บริษัทก็ยังพยายามมองหาโอกาสที่จะเข้ารับบริหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนโรงแรมในอาบูดาบีที่บริษัทเข้ารับบริหารเช่นกันนั้นเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 โรงแรม ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

"อาบูดาบีและดูไบ มีการปกครองที่แยกออกจากกัน และเศรษฐกิจระหว่างอาบูดาบีกับดูไบก็คนละเรื่องเลย อีกอย่างเป็นโรงแรมที่เราไม่ได้ลงทุน แค่รับบริหารอย่างเดียว"นางสาวประภารัตน์ กล่าว

นางสาวประภารัตน์ ยังแสดงความมั่นใจว่า ผลประกอบการของ MINT จะดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากธุรกิจอาหาร โรงแรม คอนโดมิเนียม รวมทั้งธุรกิจค้าปลีก ซึ่งแล้วแต่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยไตรมาส 4/52 อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65% จาก 50% ในไตรมาส 4/51 และไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 55% และในปี 53 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 65%

"เราคงค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ ไม่อยากให้มอง MINT แบบ Short term เพราะเราเป็นการลงทุนระยะยาว และส่วนใหญ่ Asset จะมีการ Appreciate Overtime ช่วงนี้อาจจะมีความกังวลเรื่องท่องเที่ยว เรื่องการเมือง แต่คิดว่าเมืองไทย ยังไงซะ 2-3 ปีก็ต้องกลับมาบูมเรื่องท่องเที่ยวอยู่ดี เพราะเราได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างเยอะ"นางสาวประภารัตน์ กล่าว

หรือแม้แต่กรณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งเราเองก็มีแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารอยู่ที่นั่น แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ยอดขายยังเป็นไปตามปกติ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในกัมพูชา อีกทั้งมีคู่แข่งน้อย และเราเป็นเจ้าแรกๆที่เข้าไปเปิดทั้งในส่วนของ Swensen's, Dairy Queen และ The Pizza Company


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ