นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ในปี 53 การดำเนิน ธุรกิจของโบรกเกอร์แต่ละแห่งคงยากขึ้น เพราะหากมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียม (คอมมิชชั่น)การซื้อขายแบบขั้นบันได ในวันที่ 1 ม.ค.53 ยังไม่แน่ใจว่าจะส่งผลกระทบในการดำเนินธุรกิจมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าโบรกเกอร์ที่มีฐานลูกค้ารายใหญ่ที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาท/วัน จะได้รับผลกระทบ เพราะจะสามารถต่อรองค่าคอมมิชชั่นได้อย่างเสรี ทำให้โบรกเกอร์มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
"คงเหนื่อยและยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากไม่แน่ใจว่าหากมีการเปิดเสรีคอมมิชชั่นในวันที่ 1 ม.ค จะส่งผลกระทบกับโบรกเกอร์มากน้อยแค่ไหน" นายพิเชษฐ กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทจากการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นเดิมได้มีการประเมินผลกระทบว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์หายไปประมาณ 10-15 % แต่การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ขยายเพดานการเก็บค่าคอมขั้นต้นจาก 1 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตรา 0.25%ทำให้ผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับไม่มาก
ส่วนกรณีที่โบรกเกอร์แต่ละแห่งได้ตกลงที่จะเก็บค่าคอมมิชชั่น 0.2% สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและต่างประเทศนั้นเป็นผลจากการที่สมาคมบลจ. ระบุว่า อาจมีปัญหาในด้านระบบหลังเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันได เพราะทำให้ปิดสถานะของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ( NAV ) ไม่ได้ ดังนั้น จึงขอให้โบรกเกอร์กำหนดระดับการเก็บค่าคอมฯ เป็นในทางเดียวกัน
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า หลังรายได้ค่าคอมมิชชั่นที่จะลดลงในปี 53 โบรกเกอร์จึงต้องปรับตัวด้วยการหารายได้เพิ่มจากธุรกิจอื่น เพื่อชดเชยรายได้ค่านายหน้าที่จะลดลง ซึ่งบริษัทได้มีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งการหาสินค้าใหม่ โดยมีแผนการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ที่ขออนุมัติวงเงินไว้ 500 ล้านบาท รวมทั้งการนำหุ้นเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจำนวน 2 บริษัท และการรับเป็นที่ปรึกษาการควบรวมกิจการ