(เพิ่มเติม) BJC ศึกษาแนวทางเพิ่มทุนหากซื้อกิจการเพิ่มระดับหมื่นลบ.,เจรจาเทคฯธุรกิจในเวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 30, 2009 11:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) กล่าวว่า บริษัทกำลังศึกษาแนวทางการเพิ่มทุนจดทะเบียน หากจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพิ่มซื้อกิจการเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศในระดับกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์ในแง่การแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตต่ำด้วย

ขณะนี้บริษัทมีการเจรจาซื้อกิจการ 2 แห่งในเวีดยนาม ได้แก่ ธุรกิจเทรดดิ้งที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำว่า 300 ล้านบาท น่าจะได้ข้อสรุปภายใน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากทางการ และ โรงงานผลิตขวดแก้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังมีการเจรจาซื้อกิจการในประเทศเพิ่มอีกหลายราย โดยเน้นธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

"หากเราเข้าเทคโอเวอร์ หรือซื้อกิจการที่เห็นว่ามี growth potential ดี ก็จะหาแนวทางเพิ่มทุน ในการแก้ฟรีโฟลตไปด้วย แต่สองดีลในเวียดนามคิดว่ายังมีเงินพออยู่ ตอนนี้เราคิดว่าถ้าเราเข้าไปลงทุนในระดับหมื่นล้านบาท ก็ต้องคงต้องเพิ่มทุน"นายอัศวิน กล่าว

แนวทางการเติบโตขอองบริษัทในปีหน้า จะเห็นความชัดเจนการเติบโตของธุรกิจที่มีอยู่แล้ว และธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการเข้ามาต่อยอดธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และช่วยทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นายอัศวิน กล่าวว่า รายได้ปกติของบริษัทจะอยู่ที่ระดับปีละ 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจในประเทศ ซึ่งรายได้จากต่างประเทศในปีนี้มีสัดส่วน 5% ของรายได้รวม คาดว่าปี 53 จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 10% หรือ 2 พันล้านบาท แต่ยังไม่รวมธุรกิจที่จะเข้าไปซื้อกิจการเพิ่ม และตั้งเป้าหมายในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 50%

ปัจจุบัน BJC มีสำนักงาน 3 แห่งในต่างประเทศ ที่เวียดนาม 2 แห่ง และ มาเลเซีย 1 แห่ง

สำหรับปีนี้ยอดขายและรายได้คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อน 2.2 หมื่นล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 5% เพิ่มขึ้นจาก 4.5% ในปี 51 เนื่องจากบริษัทได้บริการจัดการวัตถุดิบได้ดี และหาสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง โดยในปีหน้ารายได้ก็ยังคาดว่าเติบโต 10% จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด เช่น การเพิ่มประเภทสินค้าเครื่องสำอางออกมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์เนมของตัวเอง

นายอัศวิน ยังมองว่า ภาพเศรษฐกิจปีหน้ายังน่าเป็นห่วงว่าจะฟื้นตัวจริงหรือไม่ ผลกระทบจากดูไบไม่มีผลโดยตรงกับบริษัท แต่ก็ต้องมีการคอบติดตามและประเมินสถานการณ์

"ตอนนี้เศรษฐกิจดีขึ้นว่าครึ่งปีแรกเราเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 3 เริ่มกลับมาแล้ว โดยดูได้จากยอดสินค้าอุปโภคบริโภค"นายอัศวิน กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ