บมจ.ปริญสิริ(PRIN) ตั้งเป้าปี 53 ยอดรับรู้รายได้เติบโตราว 15-25% มาที่กว่า 5 พันล้านบาท จากในปีนี้บริษัทกำลังลุ้นยอดโอนโครงการพหลโยธิน 37 เข้ามาทัน ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดรับรู้รายได้แตะ 4.5 พันล้านบาท พร้อมทั้งเชื่อว่าจะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการในปีนี้ได้ หลังจากที่เคยงดจ่ายปันผลในงวดปี 51
สำหรับปี 53 บริษัทเตรียมเพิ่มงบซื้อที่ดินใหม่เป็น 1.5 พันล้านบาท จากที่ตั้งเป้าใช้งบซื้อที่ดินราว 500-800 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายจะขยายทำเลในการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin)ที่ระดับ 23-25% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ(Net profit margin) 11-13%
นายวีระ ศรีชนะชัยโชค กรรมการผู้จัดการ PRIN กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการพหลโยธิน 37 เหลืออยู่ราว 40% จากมูลค่า 541 ล้าน บาท โดยหากโอนทันในปีนี้ก็จะทำให้ยอดรับรู้รายได้มีโอกาสจะไปอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท แต่หากไม่ทันก็จะอยู่ที่ 4.2-4.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับราคาขายโครงการดังกล่าวในส่วนที่เหลือขึ้นมาเป็น 5.5 หมื่นบาท/ตารางเมตร จาก 4.2 หมื่นบาท/ตารางเมตร ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ต่ำกว่า 20%
นายวีระ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่เบื้องต้น จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวมแผนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สมาร์ท คอนโดฯ วัชรพล ที่บริษัทกำลังนำกลับมาประเมินใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสนอขอส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ในโครงการบ้านบีโอไอ จำนวน 4 เฟส
5 โครงการใหม่ ประกอบด้วย ทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการมีที่ดินอยู่แล้ว ได้แก่ ย่านวัชรพล โซน C มูลค่า 300 ล้านบาท ย่านเพชรเกษม 69 มูลค่า 420 ล้านบาท และย่านสรงประภา 440 ล้านบาท ขณะที่อีก 2 โครงการจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งอยู่ระหว่างหาที่ดินในการพัฒนา คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินทุนของบริษัท 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้
"นอกจาก 5 โครงการดังกล่าวแล้ว บริษัทยังมองหาที่ดินเพิ่มเติม ซึ่งถ้าได้ทำเลที่ถูกใจก็อาจจะทำให้การเกิดโครงการในปีหน้าจะมากกว่า 5 โครงการ"นายวีระ กล่าว
สำหรับในไตรมาส 4/52 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งเปิดไปแล้ว 1 โครงการ และในเดือน ธ.ค.จะเปิดตัวเพิ่มอีก 1 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในปีนี้มีโครงการที่เปิดใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ
นายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้กำหนดแผนออกหุ้นกู้ คงจะต้องดูตามสถานการณ์ แต่บริษัทยังมีช่องทางที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ และขณะนี้บริษัทก็ได้ลงทุนในตั๋วแลกเงิน(B/E)วงเงินประมาณ 150-200 ล้านบาท
"การออกหุ้นกู้ คงจะต้องดูตามสถานการณ์ และขึ้นกับตลาด โดยเฉพาะหากต้องพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ และมีขนาดใหญ่จึงจะพิจารณาทางเลือกดังกล่าว"นายวีระ กล่าว
นายวีระ ยังเปิดเผยว่า ในงวดปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ตามนโยบาย เพราะมองว่ามีหนี้น้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ