ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากความตื่นตระหนกกับข่าวการเลื่อนชำระหนี้ของรัฐบาลดูไบ และกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวรุนแรงมากขึ้นเมื่อนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่าธนาคารกลางในอังกฤษจะได้รับผบกระทบหนักสุดจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 55.05 จุด ปิดที่ 5,190.68 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,190.68-5,270.36 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารถูกแรงขายทุบหนักสุดเนื่องจากธนาคารหลายแห่งในอังกฤษเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส โดยหุ้นแบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลงกว่า 4% ขณะที่หุ้นแบงค์ ออฟ ไอร์แลนด์ ร่วงลง 5.9% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลงเกือบ 6%
บริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดลอนดอนร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นบีพีปิดร่วง 0.7% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดลบ 1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดร่วง 1.9% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 2.0% แต่หุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจน้ำมันพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทขยายกิจการสำรวจน้ำมันในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ