บมจ. ช.การช่าง(CK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 1,450,000,000 บาท เป็น 1,446,012,169 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วแต่ยังมิได้จำหน่ายออกจำนวน 3,987,831 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 3,987,831 บาท
จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 1,446,012,169 บาท เป็น 1,652,585,336 บาท โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 206,573,167 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 206,573,167 บาท จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ที่ อัตราส่วน 7 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ ราคาขาย 5.34 บาท/หุ้น
การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อนำเงิน จากการเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะมีสิทธิรับเงินปันผลจากการดำเนิน งานเริ่มตั้งแต่งวดปี 53 เป็นต้นไป
ตารางระยะเวลาการดำเนินการในกรณีที่คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน
- คณะกรรมการบริษัท ลงมติเรื่องการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม 30 พ.ย. 2552
- วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น(Record Date)เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 16 ธ.ค. 2552
- วันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 17 ธ.ค. 2552 - การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 20 ม.ค. 2553
- จดทะเบียนลดทุนและมติเพิ่มทุนจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ภายใน 14 วัน นับจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติ
- วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5 ก.พ. 2553 - วันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 8 ก.พ. 2553 - ระยะเวลาจองซื้อหุ้น 22-26 ก.พ. 2553
- จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์ ภายใน 14 วันที่ได้รับชำระค่าหุ้นครบ
- นำหุ้นเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะแจ้งให้ทราบภายหลัง
นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน CK กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าจะได้ เม็ดเงินจากการเพิ่มทุน 1,103 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนโครงการใหม่ในปี 53 อาทิ โครงการการพัฒนาและก่อ สร้างเขื่อนแบบฝายน้ำล้นบนแม่น้ำโขง ณ บริเวณจังหวัดไซยะบุรี (Xayaburi Hydroelectric Power Project) สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553 นี้
และยังเตรียมการเพื่อการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินก่อสร้าง ไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการเปิดประมูลว่าจ้างผู้รับเหมาในปีหน้านี้เช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะสำรองเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ ด้วย