(เพิ่มเติม1) "ธนาสิริ กรุ๊ป" กำหนดราคา IPO ที่ 1.75 บาท/หุ้น จองซื้อ 3-4 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 1, 2009 12:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพัชระ สุระจรัส กรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า บมจ.ธนาสิริ กรุ๊ป (THANA) จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 50 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.75 บาท โดยแบ่งเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป 25 ล้านหุ้น และผู้มีอุปการะคุณ 25 ล้านหุ้น ในระหว่างวันที่ 3-4 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ภายในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 255 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการที่มีอยู่และใช้พัฒนาโครงการในอนาคตต่อไป รวมทั้งชำระเงินกู้ยืมบางส่วน

ด้านนายนิธิกรณ์ ศรีคิรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาฯ THANA เชื่อว่าหุ้นธนาสิริฯ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน การกำหนดราคาที่ 1.75 บาทคำนวณจาก P/E ตลาด MAI 12 เท่า มี discount 24.4% ซึ่งถือว่าไม่แพงซึ่งหากคำนวณจากผลประกอบการโดยรวม 2 ปี มีอัตราการโต 90%

นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ THANA เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยกำหนดแผนงานในปี 52-53 ในการเปิดโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการธนาสิริ-ราชพฤกษ์ 2 ถนนราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดทำการขายไปเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา,

โครงการ เดอะ คลัสเตอร์ วิลล์ 2 ถนนนครอินทร์ (วัดซองพลู พระราม 5) จังหวัดนนทบุรี มูลค่าโครงการ ประมาณ 370 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4/52 และจะเปิดขายในไตรมาส 2/53 และโครงการไพร์มเพลส 4 ถนนรัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงกาปรระมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/53 และ เกิดขายได้ประมาณไตรมาส 3/53

นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 53 เติบโต 30-40% จากปี 52 ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 600-650 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกทำรายได้ไปแล้ว 485 ล้านบาท การทำรายได้ในปีนี้ให้ถึงเป้าหมายจึงไม่น่าเป็นเรื่องยาก

ในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮ้าส์มากขึ้นเป็นกว่า 50% จากปี 52 มีสัดส่วนอยู่ที่ 40% ที่เหลือจะเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยบริษัทจะปรับรูปแบบการพัฒนาที่ดินมาเป็นทาวน์เฮ้าส์แทนเพื่อให้ต้นทุนลดลง เนื่องจากที่ดินปรับราคาสูงขึ้น 20-30% เทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในย่านรัตนาธิเบศร์กับราชพฤกษ์ที่เตรียมไว้พัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า

และใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีความแตกต่างในระดับราคาที่สามารถแข่งขันได้ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อของกลุ่มเป้าหมายของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงในส่วนภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ศึกษารูปแบบพัฒนาโครงการวิลล่าที่ภูเก็ตที่ปัจจุบันมีที่ดิน 100 กว่าไร่ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนอกเหนือจากการพัฒนาโครงการในเมือง อย่างไรก็ตาม คงจะต้องประเมินสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวให้ชัดเจนก่อนว่าจะฟื้นตัวชัดเจนหรือไม่ คาดว่าจะเห็นการพัฒนาใน 1-2 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่ภูเก็ต (บริเวณอนุเสาวรีย์กลางเมือง)อีก 2 ไร่ ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 100-130 ล้านบาท เจาะกลุ่มคนไทย ระดับราคายูนิตละประมาณ 1 ล้านบาท จะเปิดขายปี 53 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ