นายปริวัติ โสภาษิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงิน บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน(ROBINS)คาดว่า ในปี 53 รายได้และกำไรน่าจะดีขึ้นจากปีนี้ โดยในแง่รายได้น่าจะเติบโตได้มากกว่า 3-4% เนื่องจากรายได้สาขาใหม่ทั้งขอนแก่นและชลบุรีที่ทยอยเปิดให้บริการในปีนี้จะเข้ามาเต็มที่ในปีหน้า รวมทั้งยอดขายสาขาเดิมมีแนวโน้มการเติบโตสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ(จีดีพี)
"ยอดขายบริษัทจะขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจและจีดีพี โดยปกติอัตราเติบโตไม่เคยต่ำกว่าจีดีพี เพราะเชื่อว่าปีหน้ารายได้และกำไรของเราจะดีขึ้นกว่าปีนี้"นายปริวัติ กล่าว
บริษัทคาดว่าในปี 52 ยอดขายจะเติบโตได้ราว 3-4% ตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/52 ยอดขายน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 14% โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.52 คาดว่าจะมียอดขายสูงที่สุด ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีอัตรา 23.3%
ส่วนงบลงทุนในปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1.0-1.5 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดสาขาใหม่ 1 แห่งที่จะให้บริการในช่วงไตรมาส 4/53 ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาขาขนาดกลางในต่างจังหวัด และเงินส่วนที่เหลือใช้ปรับปรุงใหญ่ในอีก 4-5 สาขาเดิม
ทั้งนี้ แผนงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทกำหนดจะเปิดสาขาใหม่ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 6-8 สาขา ส่วนสาขาสีลมที่ปิดดำเนินการไปนั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อปรับปรุงแต่คงไม่กลับไปเปิดเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบเดิมอีกแล้ว เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการจัดการกับที่ดินย่านศรีนครินทร์ หลังจากที่กลุ่มเซ็นทรัลระงับสัญญาเช่าไป โดยอาจจะหาผู้เช่ารายอื่นเข้ามาแทน หรืออาจจะพัฒนาโครงการเอง
นายปริวัติ กล่าวอีกว่า นโยบายด้านการตลาดของบริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์เพื่อสื่อถึงลูกค้าอย่างชัดเจนว่าโรบินสันเป็นห้างสรรพสินค้าที่นำเสนอแฟชั่นทันสมัยที่แตกต่างในราคาที่ตัดสินใจง่าย