ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 18.90 จุด หลังสหรัฐเผยภาคเอกชนลดการจ้างงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 3, 2009 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.ลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนัก ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของดูไบ และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะลดลงในอัตราที่ช้าลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 18.90 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 10,452.68 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,109.24 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 9.22 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 2,185.03 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 1.03 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.08 พันล้านหุ้น

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงหลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 169,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 155,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.ลดลงน้อยกว่าที่ลดลง 195,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ลดลงมากเกินคาดทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า พร้อมกับจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

อย่างไรก็ตาม แม้ดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq สามารถปิดบวกเนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคดีดตัวขึ้นด้วยแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังอ่อนแออยู่ก็ตาม

การพุ่งขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย โดยดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆทั่วโลก พุ่งขึ้น 0.3% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ แตะที่ 76.60 ดอลลาร์/บาร์เรล และฉุดหุ้น Chesapeake Energy Corp ดิ่งลง 2.9% หุ้น Occidental Petroleum Corp ร่วงลง 1.2%

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายอย่างหนักหลังจากนักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ได้แสดงความวิตกกังวลเรื่องผลกำไรของภาคธนาคารสหรัฐในปีหน้า โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดร่วง 1.5% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ปิดลบ 1.9%

หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นหลังจากสายการบินคอนติเนนตัล แอร์ไลนส์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยหุ้นคอนติเนนตัล ปิดบวก 4.8% และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปิดบวก 7.7%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ