นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) คาดว่า กำไรในปี 53 จะเข้าสู่ภาวะปกติที่อยู่ที่ระดับประมาณ 400 ล้านบาท จากปี 52 ที่เชื่อว่ากำไรคงจะไม่ถึง 400 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร 320 ล้านบาท
ขณะเดียวกันรายได้ในปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทบนสมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ปีนี้คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าที่เดิมเคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนบริษัทมีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยราคาดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นของบริษัทคงที่อยู่ที่กว่า 2 เหรียญ/บาร์เรล และคาดว่าปีหน้าบริษัทจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปีนี้ที่ผลิตที่ 1.1 หมื่นบาร์เรล/วัน
"ตอนนี้มีการปั่นราคาน้ำมันขึ้นมาเยอะ และราคาตอนนี้ขึ้นไปสูงกว่าความเป็นจริง ทั้งที่มองแล้วว่าดีมานด์ไม่น่าจะสูง เพราะเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ คิดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยเหมาะสมอยู่ที่ 70-80 เหรียญ/บาร์เรลมากกว่า แต่ตอนนี้ปั่นขึ้นไปถึง 85 เหรียญแล้ว" นายศุภพงศ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่บริษัทยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ เพื่อหาข้อสรุปกรณีที่บมจ.ปตท.(PTT)ยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบ นายศุภพงศ์ คาดว่า จะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยอนุญาโตฯ ชี้ขาดภายใน 3 เดือน และเจรจากับ PTT อีก 3 เดือน
นายศุภพงศ์ กล่าวว่า การยื่นอนุญาโตฯ ตัดสินกรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นการฟ้องร้อง เพียงแต่ต้องการหาคนกลางมาชี้ขาดสัญญาที่มองต่างกัน เพราะ RPC มองว่าสัญญานี้ไม่สามารถยกเลิกได้ และบริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานมูลค่าพันล้านบาท เพื่อรองรับวัตถุดิบคอนเดนเสทฯ แล้ว โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแนวคิดว่าจะขายโรงงานหรือ Merge กับใคร และยังมั่นใจว่าบริษัทจะได้ต่อสัญญากับ ปตท. เพราะในสัญญา ระบุไว้ว่า เป็นลักษณะ Evergreen คือไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
"เชื่อว่าเรื่องนี้จะไกล่เกลี่ยได้ เพราะ ปตท.มีกิจการขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของบริษัทเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของ ปตท.เท่านั้น" นายศุภพงศ์ กล่าว