นายสมยศ แสงสุวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม(GENCO)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กรณีการระงับโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดไม่มีผลกระทบต่อแผนงานของบริษัท เนื่องจากลูกค้าทั้งหมดเป็นโครงการเก่าที่ดำเนินการอยู่แล้ว และไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 11 โครงการหรือกลุ่ม 65 โครงการ ขณะที่บริษัทเองก็ไม่ได้นำกากอุตสาหกรรมในโครงการใหม่เข้ามาไว้ในประมาณการแผนงานของบริษัท
ขณะที่ปริมาณงานกำจัดกากอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดยังมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ขนย้ายมาบำบัดที่แสมดำ โดยเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาทั้ง 2 หลุมมีปริมาณกากอยู่ที่ 6,000 กว่าตัน ขณะที่บริษัทยังมีหลุมบำบัดอยู่ที่ราชบุรี ซึ่งมีที่ดินอยู่ 500 ไร่
ก่อนหน้านี้บริษัทได้เสนอเสนอแผนเพื่อเข้ากำจัดกากอุตสาหกรรมและมลพิษใน 3 อำเภอ ของจังหวัดระยอง มูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท/เดือน แต่ขณะนี้ยังรอผลอย่างเป็นทางการซึ่งขึ้นอยู่กับท้องถิ่น แต่ในระดับจังหวัดน่าจะผ่านแล้ว ถ้าออกมาปีหน้าก็ว่ากันอีกที
นายสมยศ เชื่อว่า หลังจากนี้ภาครัฐจะเข้ามาดูแลประเด็นในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ GENCO แน่นอน โดยบริษัทมีกระทรวงอุตสาหกรรมถือหุ้นใหญ่ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ ซึ่งฝ่ายบริหารก็ได้พยายามผลักดันให้ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบกำจัดกากที่ได้มาตรฐาน
"เรียนในบอร์ดว่าอยากจะให้ภาครัฐมีความจริงจังในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้ เช่น มีถุงอยู่ 3 ใบ ใบแรกคือผู้ประกอบการอุตฯทั้งหมด 130,000 โรงงานทั่วประเทศ พบว่ามี 30% ที่ทำถูกต้อง นอกนั้นพยายามหลีกเลี่ยง ประเด็นที่ 2 พวกที่มีการขนส่งแวะระหว่างทางเอาไปขายเททิ้ง ซึ่งผมก็เสนอที่ประชุมว่าจะต้องทำเรื่องนี้ทุกรถขนส่งจะต้องได้มาตรฐาน ประเด็นที่ 3 บริษัทบำบัดต้องได้รับมาตรฐาน"นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 ส่วนนี้หากป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ก็จะทำให้ระบบจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย ซึ่งเห็นว่าภาครัฐควรจะมีมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาสู่ระบบกกำจัดกากฯที่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้มาตรการภาษีเข้ามาสนับสนุน เช่น การนำค่าใช้จ่ายในการบำบัดกากมาหักเพิ่มค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ ก็จะช่วยหนุนให้มีการส่งกากเข้าสู่ระบบมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการต้นปี 53 อย่างจริงจังมากขึ้น
*ปีนี้รายได้ทรุดตามภาวะเศรษฐกิจหดตัว ปีหน้าคาดปริมาณบำบัดกากโต-โอนอสังหาฯเพิ่ม
นายสมยศ คาดว่า รายได้รวมในปี 53 มีโอกาสทำได้สูงกว่าในปีนี้ ตามการประเมินปริมาณกากอุตสาหกรรมที่น่าจะเพิ่มขึ้น และรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมียอดโอนโครงการมากกว่าปีนี้ แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นกับนโยบายภาครัฐว่าจะเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน
"แนวโน้มปีหน้าอยู่ที่นโยบายรัฐบาลซึ่งเราก็พร้อม ท่านประธานฯก็เอาจริงเอาจัง คาดว่าน่าจะมีปริมาณกากเข้ามากกว่าปีนี้ เพราะเราพร้อมและมีเครื่องมือเทคโนฯพร้อม...ปริมาณกากขึ้นอยู่กับภาครัฐเอาจริงเอาจังขนาดไหน ถ้ารัฐปิดบริษัทที่ไม่ถูกต้องและเร่งกากที่ไม่ถูกระบบเข้ามาได้ก็จะมาโผล่ที่ GENCO เยอะ ส่วนจะโตกว่าปีนี้หรือไม่ยังประเมินยากเพราะอยู่ที่ภาครัฐ"นายสมยศ กล่าว
บริษัทคาดว่าแนวโน้มปริมาณกากอุตสาหกรรมน่าจะเติบโตขึ้น เห็นได้จากในเดือน ธ.ค.น่าจะมีปริมาณมากกว่าทุกเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเดือนสุดท้ายของปีที่โรงงานส่วนใหญ่จะต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่(Clean up) โดยช่วง 11 เดือนมีปริมาณแล้ว 7 หมื่นกว่าตัน ซึ่งทั้งปี 52 น่าจะได้ปริมาณ 8-9 หมื่นตัน ปัจจุบันมีปริมาณกำจัดกากฯกว่า 6,000 ตัน/เดือน ลดลงประมาณ 30% เพราะเป็นช่วงที่วิกฤตทั้งการเมืองภายในและเศรษฐกิจโลก
สำหรับในแง่ของรายได้จากการกำจัดขยะปีนี้คงลดลงจากปีก่อน เพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจตั้งแต่ปลาย 51 เป็นต้นมา โดยปี 52 คาดว่ารายได้รวมทั้งกำจัดกากและอสังหาฯ น่าจะอยู่ที่ 300-320 กว่าล่านบาท ลดลงมากพอสมควร จากปี 51 รายได้ค่าบริการ(เฉพาะกำจัดกาก)อยู่ที่ 416 ล้านบาท และอสังหาฯ 52 ล้านบาท
"ปริมาณกากปีนี้อาจจะไม่มากเท่าปีก่อน แต่รายได้อาจจะใกล้เคียงเพราะเรามีการลดต้นทุนบางอย่างไปบ้าง ส่วนปีนี้จะเป็นกำไรหรือไม่ ต้องดูต้นทุนก่อนยังไม่แน่ใจ"นายสมยศ กล่าว
งวด 9 เดือนแรกของปี 52 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 35.7 ล้านบาท
นายสมยศ กล่าวว่า รายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมียอดโอนโครงการสูงขึ้นจากปีนี้ที่มียอดโอนราว 10-15% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 400 ล้านบาท รวม 7 โครงการเป็นคอนโดฯ 3 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 1 และโฮมออฟฟิศ 3 โครงการ หรือมียอดประมาณ 40-50 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่มียอดโอน 52 ล้านบาท
"คอนโดเราขายต่างชาติด้วยเพราะที่ผ่านมาเราไปทำตลาดที่สิงคโปร์ไว้ ปี 53 มีการโอนเยอะ ตอนนี้ไม่ต้องลงทุนแล้วหลังจากนี้จะเป็นรายได้"นายสมยศ กล่าว