ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายซบเซา หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าอัตราว่างงานที่สูงขึ้นจะเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ปานกลางเท่านั้น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 1.21 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 10,390.11 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลง 2.73 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 1,103.25 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 4.74 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 2,189.61 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.06 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 16 ต่อ 13 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.89 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ภาวะการซื้อขายซบเซาลงเมื่อเบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัญหาต่างๆ รวมถึงภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ยังคงเป็นปัจจัยที่เหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ปานกลางเท่านั้น ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ลดลง 11,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง
หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดร่วง 2.2% หลังจากมีข่าวว่าซิตี้กรุ๊ปไม่สามารถตกลงกับรัฐบาลสหรัฐได้ในเรื่องจำนวนเงินที่ซิตี้กรุ๊ปต้องการระดมทุนเพื่อให้ธนาคารสามารถออกจากโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) โดยคาดว่าการเจรจาต่อรองระหว่างซิตี้กรุ๊ปกับรัฐบาลสหรัฐจะยังคงยืดเยื้อต่อไปอีกหลายสัปดาห์
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน โดยแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดร่วงลง 2.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดลบ 1.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค. และกระทรวงพลังงานจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนธ.ค.