(เพิ่มเติม) TRUE คาดปี 52 รายได้โตตามเป้าไม่ถึง 5% ส่วน EBITDA 2 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 8, 2009 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)กล่าวว่า รายได้ในปี 52 น่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตไม่ถึง 5% จากปีก่อน โดย 9 เดือนที่ผ่านมารายได้ของบริษัทเติบโตราว 3-4% ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือไม่ได้มีบริการใหม่เพิ่มเติม

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าปีนี้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม(EBITDA ) จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน

"ความสามารถทำ EBITDA ของบริษัทต่อปีก็อยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ถือว่ามีความพร้อมในการลงทุนเรื่อง 3G เพราะปกติ บริษัทลงทุนปีละ 8 พันล้านบาท โดยเป็นการลงทุนธุรกิจมือถือ 50% และหากมีการลงทุน 3G คาดว่าจะต้องลงทุนเพิ่มอีกปีละ 5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในความสามารถในการระดมทุน"นายศุภชัย กล่าว

สำหรับแนวทางการระดมทุน นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทศึกษาแนวทางต่าง ๆ ในการระดมทุน ได้แก่ การระดมทุนผ่านบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย(ถือหุ้น 100%) โดยจะนำ ทรูมูฟ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้น ทรูมูฟ หรือให้บริษัทแม่ คือ TRUE ออกหุ้นเพิ่มทุน เพราะบริษัทไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทก็มีหนี้สินมากอยู่แล้ว

"แนวทางการระดมทุนบริษัทสามารถทำได้หลายแนวทาง แต่อยากให้มีความชัดเจนเรื่อง 3G จะทำให้การขายหุ้นมีมูลค่ามากขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น แต่โดยส่วนตัวนักลงทุนและผู่ถือหุ้นปัจจุบันให้ความสนใจในการลงทุนเรื่อง 3G หากมีการลงทุน 3G จริงน่าจะสำเร็จได้"นายศุภชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย คาดว่า การประมูลใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 3G จะเกิดขึ้นอย่างเร็วในช่วงกลางปี 53 และ หากเป็นไปได้ต้องการได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 3G พร้อมกับ 4G ไปด้วยกัน แต่ก็ยอมรับว่ามัปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่จะทำให้ล่าช้าออกไป ได้แก่ การเมือง โดยหากมีการยุบสภาก็คงล่าช้าไปอีกนาน

"ยิ่งภาครัฐเข้ามาอุดหนุนให้เกิดการใช้อินเตอร์เน็ตในภาคครัวเรือน ซื้อโน้ตบุ๊คได้ราคาถูก ก็จะทำให้การเติบโตบรอดแบรนด์เร็วมาก และเอกชนก็พร้อมจะผลักดัน อนาคตระบบ 3G อาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งหากต้องการความรวดเร็วน่าจะมีการให้ใบอนุญาต 4G ควบคู่ด้วย" นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ TRUE คาดว่ารายได้จาก non-voice จะเพิ่มสัดส่วนเกินกว่า 50% ของรายได้รวมของทรูมูฟ ภายใน 3 ปี หลังจากมีการดำเนินงานระบบ 3G จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 20% เนื่องจากมีการพัฒนา Content และ Application มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าหากเกิดระบบ 3G การพัฒนาไปสู่บรอดแบรนด์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว จากปัจจุบันที่มีไทยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพียง 1.2 ล้านครัวเรือน จาก 69 ล้านครัวเรือน

ส่วนการแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างเอกชนกับหน่วยงานด้านโทรคมนาคมของรัฐ นายศุภชัย เชื่อว่า น่าจะทำควบคู่ไปกับการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 3G โดยกรอบเวลาแก้ไขสัญญาสัมปทานภายใน 90 วัน ถือว่าไม่นานเกินไป แต่หากไม่สำเร็จก็เชื่อว่าจะยืดเยื้ออีกนาน ซึ่งรัฐบาลควรจะยอมรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจ และช่วยเหลือรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้น เพื่อให้มีเวลาปรับตัว แต่ไม่ควรชะลอ เพราะเพียงแค่กลัวว่ารัฐวิสาหกิจจะสูญเสียรายได้ นายศุภชัย กล่าวว่า ในปี 52 ถือว่าเป็นปีที่ TRUE ยังมีความสำเร็จทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายไอโฟน ซึ่งคาดว่าสิ้นปีจะขายได้ 1 แสนเครื่อง ก็คงยังทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นปีก้าวเข้าสู่การทำงานกับบริษัทระดับโลก อย่าง แอปเปิ้ล ซึ่งช่วยให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น

ส่วนทรูวิชั่นส์ก็มีการพัฒนาคลื่นความถี่กระจายภาพโทรทัศน์ ระบบ HD และมีการพัฒนาบรอดแบรนด์ จาก 16 เมกะบิต เป็น 30 เมกะบิต และมีลูกค้าคอนเวอร์เจนซ์ ที่ใช้ทรูวิชั่นส์ และ ทรูมูฟ จำนวน 1 ล้านรายในปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 5 แสนราย และหากนับลูกค้าที่คอนเวอร์เจนซ์รวมของบริษัทมีจำนวนประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งช่วยให้ตลาดโพสต์เพดเติบโต แต่เรื่องที่หนักใจยังคงเป็นธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน(Fixed-line)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ