ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) หลังจากบริษัท 3M และแมคโดนัลด์ รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์และพันธบัตร นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากมูดีส์ระบุว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐและอังกฤษมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 104.14 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 10,285.97 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 11.31 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 1,091.94 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 16.62 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 2,172.99 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.18 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 20 ต่อ 9 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.97 พันล้านหุ้น
นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient AAA) ซึ่งนับว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant AAA) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
นอกจากนี้ มูดีส์กล่าวว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งแตะ 97.5% ของกิจกรรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2553 จากปีนี้ที่ระดับ 87.4% และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐยังไม่มากพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนเทขายหุ้นหลังจากบริษัท 3M คาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 2552 จะอยู่ที่ 4.50-4.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 4.57 ดอลลาร์/หุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น 3M ดิ่งลง 1% เมื่อคืนนี้ ขณะที่บริษัท แมคโดนัล เปิดเผยยอดขายเดือนพ.ย.ที่ร่วงลงอย่างหนักในสหรัฐ ซึ่งฉุดหุ้นแมคโดนัลด์ร่วงลง 2.1%
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ 3M และแมคโดนัลด์ ได้บดบังรายงานคาดการณ์ของบริษัท เฟดเอ็กซ์ คอร์ป ที่ว่าทางบริษัทจะมีรายได้ 1.10 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงไตรมาสซึ่งสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ราว 86 เซนต์/หุ้น หลังธุรกิจขนส่งสินค้าทั่วโลกมีการขยายตัว
นอกเหนือจากผลประกอบการที่ย่ำแย่แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์และพันธบัตร เพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังเปราะบาง นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ยังฉุดราคาหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์และเหมืองแร่ดิ่งลงด้วย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค. และกระทรวงพลังงานจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนธ.ค.