ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร NOBLE ที่ระดับ “BBB+" แนวโน้ม“Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 9, 2009 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ตลอดจนกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า คอนโดมิเนียมที่รอการส่งมอบจำนวนมาก และนโยบายการขยายโครงการที่ระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม ฐานะทางการเงินของบริษัทตามเกณฑ์เงินสดในช่วงปี 2550 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2552 อ่อนลงกว่าในอดีตซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าในการโอนคอนโดมิเนียมแก่ลูกค้าเนื่องจากต้องรอการอนุมัติผลการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มมีการโอนคอนโดมิเนียมในช่วงปลายปี 2552 ไปจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้นได้ในระยะปานกลาง อีกทั้งยังคาดว่าความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทจะดีขึ้นเมื่อโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบให้แก่ลูกค้าในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม หากฐานะการเงินของบริษัท (ตามเกณฑ์เงินสด) ไม่ปรับตัวดีขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า NOBLE เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 ตระกูลธนากิจอำนวยและเครือญาติยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวมกัน 14% ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา

บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากกว่าโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเนื่องจากแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยหันมานิยมชีวิตในเมืองมากขึ้น รายได้จากคอนโดมิเนียมเป็นรายได้หลักของบริษัทมาตั้งแต่ปี 2550 โดยคิดเป็น 43-79% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากบ้านเดี่ยวยังคงลดลงจาก 36% ของรายได้รวมในปี 2550 เป็น 9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 รายได้จากทาวน์เฮ้าส์และที่ดินเปล่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกมีสัดส่วน 31% และ 15% ของรายได้รวมตามลำดับ

บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์และชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างดีในฐานะผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นำเสนอแบบ (Design) ของที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

NOBLE มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2,293 ล้านบาทในปี 2550 เป็น 2,352 ล้านบาทในปี 2551 จากการรับรู้รายได้คอนโดมิเนียมที่มากขึ้น รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 เติบโต 19% เป็น 2,022 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2551 แม้ว่ารายได้จากทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวจะลดลง 38% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 แต่รายได้จากทาวน์เฮ้าส์และที่ดินเปล่าจำนวนรวม 936 ล้านบาทถือเป็นตัวผลักดันการเติบโตของรายได้ของบริษัท

กระนั้น ผลจากความล่าช้าในการโอนคอนโดมิเนียมทำให้ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 ยังคงต่ำกว่าบริษัทที่เป็นผู้นำตลาด โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเท่ากับ 17.7% และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคิดเป็น 3.72% ในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของบริษัทยังคงเพียงพอ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 บริษัทมีเงินสด 777 ล้านบาท มีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 1,900 ล้านบาท ทว่ามีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 48.98% เมื่อเทียบกับ 36% ณ สิ้นปี 2549 เนื่องจากคอนโดมิเนียมหลายโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อบริษัทสามารถโอนคอนโดมิเนียมได้ตามแผน

ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากความไม่มั่นคงของการเมืองภายในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและมาตรการด้านภาษีซึ่งอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านสามารถนำเงินซื้อบ้านในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ