ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขค้าปลีกที่ดีดตัวเกินคาด ส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคและภาคเอกชนในสหรัฐเริ่มมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้น และเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 65.67 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 10,471.50 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 4.06 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 1,106.41 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ขยับลง 0.55 จุด หรือไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 2,190.31 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนขยายตัว 1.3% หรือมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า และมากกว่าเดือนตุลาคมซึ่งขยายตัว 1.1% ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวอีก
นอกจากนั้นการที่ภาคการส่งออกของจีนดีดตัวขึ้นในเดือนพฤศจิกายนก็แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว โดยยอดส่งออกของจีนหดตัวเพียง 1.2% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าลดลงน้อยที่สุดในรอบปี หลังจากที่ร่วงลงถึง 13.8% ในเดือนตุลาคม ขณะที่ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็มีการขยายตัวเช่นกัน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นและเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกำลังพิจารณาว่าสภาพเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยจะมุ่งไปทางทิศไหนและลงเอยเช่นไร โดยเมื่อคืนวันอังคารเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงถึง 104.14 จุด ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วง 3 วันที่เหลือของสัปดาห์