ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงเช้านี้ โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัวลง หลังจากที่ราคาน้ำมันและทองคำอ่อนตัว ส่วนหุ้นยานยนต์ญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นขานรับยอดค้าปลีกสหรัฐที่สูงกว่าคาดการณ์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนขยายตัว 1.3% หรือมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า และมากกว่าเดือนตุลาคมซึ่งขยายตัว 1.1% ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวอีก
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,126.61 จุด เพิ่มขึ้น 18.74 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอ่อนตัว 0.01% แตะ 3,246.95 จุด ขณะที่ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,793.14 ลบ 1.93 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,662.74 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,635.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,804.74 บวก 3.99 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ลบ 0.2% แตะ 119.46 จุด เมื่อเวลา 10.26 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นซานโทส ร่วง 2.6% หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงติดต่อกัน 9 วันทำการ ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน อ่อนตัว 0.6% หุ้นนิสสัน มอเตอร์ บวก 0.7% ในตลาดหุ้นโตเกียวขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นแควนตัส แอร์เวย์ส พุ่ง 3.5% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) หลังเงินดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่นักลงทุนยังไม่เชื่อมั่นว่าดีมานด์น้ำมันปีหน้าจะดีดตัวเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่สัญญาน้ำมันดิบปิดต่ำกว่าระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล