ROJNA หวังปี 53 โตอย่างมั่นคงอิงรายได้คอนโดฯจีนต่อเนื่อง เน้นสร้างกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 14, 2009 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA) คาดว่า ปี 53 จะมีกำไรและรายได้สูงกว่าปีนี้ที่คาดว่ารายได้อยู่ที่ 6 พันล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการรับรู้รายได้ยอดขายคอนโดมิเนียมที่ประเทศจีน(Kaina Plaza)ที่ได้เริ่มเปิดขายเฟส 2 ในฉางโจว ชื่อ Kaina Overseas Chinese City แล้ว โดยในปีหน้าจะรับรู้รายได้จากส่วนที่เหลือของคอนโดฯ เฟสแรกทั้งหมดประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท ขณะที่ยอดขายที่ดินตั้งเป้าไว้ที่ 500 ไร่ใกล้เคียงปีนี้ พร้อมระบุปี 54 เตรียมงบร่วมทุนโรงไฟฟ้าใหม่ 160 ล้านเหรียญฯ ในนิคมฯอยุธยา

"ปีหน้ารายได้หลักมาจากธุรกิจคอนโดฯในจีน ที่จะรับรู้ส่วนที่เหลือของ project แรก ที่คิดว่าจะโอนได้หมด ส่วนโครงการที่สองเราเพิ่งเปิดไปเป็นคอนโด 30 ชั้น เพิ่งขายได้ 1-2 เดือน เรามียอดขายไปแล้ว 20% คิดว่าเศรษฐกิจในจีน ยังไปได้"น.ส.อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ ROJANA กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ROJNA คาดว่าปีนี้รับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมในจีนประมาณ 1 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 3.3 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังเดินหน้าธุรกิจคอนโดมิเนียมในประเทศจีน โดยได้เพิ่งเปิดขายเฟส 2 บริเวณใกล้เคียงกับเฟสแรก มูลค่าโครงการทั้งหมด 3.6 พันล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 20% โดยโครงการนี้มีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี

ทั้งนี้ การลงทุนสร้างโครงการคอนโดมิเนียมเฟส 2 ใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาท แบ่ง เป็นค่าดินประมาณ 700-800 ล้านบาท หรือประมาณ 20 ล้านเหรียญฯ ที่เหลือเป็นค่าก่อสร้าง แต่หากลูกค้าเซ็นสัญญาซื้อจะวางเงินให้โครงการทั้ง 100% หรือถ้าขายได้ครบ 1.3 พันล้านบาท บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องกู้ อย่างไรก็ดีจะไม่รีบขายเพราะต้องการขายได้ในราคาที่ดี

"โครงการลงทุนเฟส 2 ในจีน เรายังลงทุนไม่หมด โดยถ้าหากขายได้เร็ว เราก็แทบไม่ต้องกู้เลย เราลงทุนแค่ค่าที่ดิน มาจากส่วนทุนซึ่งลงทุนไปแล้ว ส่วนค่าก่อสร้างเราก็ทยอยลงทุนไป" น.ส.อมรา กล่าว

*ตั้งเป้าปีหน้าขายที่ได้ 500 ไร่

น.ส.อมรา กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 500 ไร่ใกล้เคียงปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสหกรรมอาหาร ที่มีการขยายกำลังการผลิต

"ของเราก็ไปได้เรือยๆ เราไม่ได้มุ่งหวังอะไรมาก เราทำตลาดเท่าที่ทำได้ ดูภาพรวมน่าจะโอเค ดูกันคร่าวๆก็คงใกล้เคียงปีนี้ที่ขายได้ 500 ไร่ ลูกค้าก็เริ่มกลับมา ส่วนทางลูกค้าญี่ปุ่นก็มั่นใจว่าปีหน้าเศรษฐน่าจะกลับมาดีแล้ว จุดต่ำสุดน่าจะผ่านไปแล้ว จึงคิดว่าตลาดปีหน้าน่าจะดีขึ้น"น.ส.อมรา กล่าว

ส่วนกรณีที่มีการระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด น.ส.อมรา กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบด้านจิตวิทยากับนักลงทุนใหม่ แต่สำหรับนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ดำเนินธรกิจด้านอุตสาหกรรมหนัก จึงไม่ค่อยกังวลมากนัก

"เราก็คงไมได้กังวลเท่าไร แต่ก็อยากให้ภาครัฐมีความชัดเจน ก็จะทำให้นักลงทุนรายใหม่ เข้าใจสถานการณ์ ส่วนใหญ่ลูกค้าต่างชาติของเราก็เป็นญี่ปุ่น ลูกค้าก็คุยกันได้ดี"น.ส.อมรา กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมีรายรับและกำไร จากบมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ที่บริษัทถือหุ้น 21.68% ซึ่ง TICON โดยปกติมีกำไรปีละ 500-600 ล้านบาท จากการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่ขยายตัว ทั้งนี้ มองว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้น TICON โดยปัจจุบันทั้งสองบริษัทมีธุรกิจเกื้อกูลกัน ซึ่ง TICON จะมีลูกค้ารายเล็กกว่าที่ไม่พร้อมซื้อที่ดินก็จะใช้วิธีเช่าโรงงาน แต่หากลูกค้ารายไหนต้องการลงทุนตั้งโรงงานองก็ซื้อที่ดินจาก ROJNA

"ปีหน้าเราก็มี growth บ้าง รายได้ก็น่าจะมีส่วนเพิ่มบ้าง โดยหลักของเราเราไม่ใช่ high growth business ทุกอย่างเติบโตไปตามธรรมชาติของมัน เราไม่ได้มีความจำเป็นต้องเร่ง growth สิ่งที่เราให้ความสนใจมากที่สุดคือหนึ่งธุรกิจยังมีกำไรอยู่ในระดับที่ใช้ได้ มาร์จิ้นทุกอย่างเป็นไปตามเดิม แล้วแต่ธุรกิจ โดยธุรกิจที่ดิน gross profit margin ก็ไม่ต่ำกว่า 50% คอนโดมิเนียม ประมาณ 40% ธุรกิจไฟฟ้า 15-16% ส่วนธุรกิจน้ำมีมาร์จิ้นมาก"กรรมการ ROJNA กล่าว

ทั้งนี้ น.ส.อมรา กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทย มองว่า ณ วันนี้ เชื่อว่าอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว และปีหน้าสินค้าเกษตรน่าจะมีราคาที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่คิดว่าปี 54 น่าจะมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยจะเริ่มเห็นในครึ่งปีหลังของปี 53

งวด 9 เดือน ROJNA มีรายได้ราม 5.2 พันล้านบาท และ กำไรสุทธิ 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 4.9 พันล้านบาท และ กำไรสุทธิ 455 ล้านบาท

*ปี 54 ลงทุน 160 ล้านเหรียญฯ สร้างโรงไฟฟ้า

น.ส.อมรา กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบประมาณลงทุนในปี 53 เป็นวงเงิน 200-300 ล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นงบลงทุนปกติ เนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่

แต่บริษัทจะเริ่มลงทุนขนาดใหญ่ในปี 54 ที่จะมีการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าขนาด 160 เมกะวัตต์ในนิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยา ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัท โรจนะเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย วงเงินลงทุน มูลค่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเป็นลักษณะทยอยลงทุน บางส่วนจะนำมาจากเงินกู้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำ project finance คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องในปี 56 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี หรือ 2 ปีครึ่ง

ROJANA เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีรายได้หลักจากค่าสาธารณูปโภค รองลงมาเป็นรายได้จากการขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมหลักอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดระยอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ