โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย)(SMT)มองเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อ เหตุราคาหุ้นยังถูกมากหากเทียบกับหุ้นตัวอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะที่แนวโน้มรายได้-กำไรยังดีต่อเนื่องจากปลายปีนี้ ไปจนถึงปี 53-54 จากการเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาสินค้าใหม่และมีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการขยายกำลังการผลิตรอบรับการเติบโต โดยเฉพาะตัว IC แต่ยังมีความเสี่ยงสำคัญจากการเป็นบริษัทขนาดเล็กและมีจำนวนลูกค้าหลักไม่มาก หากมีการย้ายฐานอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตัวบริษัท
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ทิสโก้ ซื้อ 7.40 บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 7.45 บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 7.52 บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 7.85 บล.เกียรตินาคิน อยู่ระหว่างทำประมาณการ 7 บาทกว่า(consensus)
นายพลสิทธิ์ ตันพูลเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่าย สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ แนะ"ซื้อ"หุ้น SMT โดยปัจจัยหลักนอกจากจะได้ผลดีตามอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยรวม ที่มองว่าปีหน้าอัตราเติบโตยังคาดว่าค่อนข้างเป็นไปได้ดี และยังเนื่องมาจาก SMT ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้าในช่วงอดีตที่ผ่านมา ทำให้มีวอลุ่มสินค้าตัวใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา คือ เริ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3/52, ไตรมาส 4/52 และต่อเนื่องในปีหน้าง
ดังนั้น นอกจากจะได้ผลประโยชน์จากการที่เติบโตตามอุตฯแล้วยังได้ข้อดีพิเศษเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำและได้วอลุ่มพิเศษเข้ามา จึงทำให้ SMT มีอัตราเติบโตที่มากกว่าหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันตัวอื่นๆ จึงมองว่าปีหน้ากำไรของ SMT น่าจะเติบโตได้ 35% และปี 54 จะเติบโตในระดับ 20%
สำหรับไตรมาส 4/52 คาดว่าผลประกอบการธุรกิจหลักน่าจะเติบโตต่อเนื่อง เพียงแต่ไตรมาส 3/52 มี FX gain ประมาณ 10 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 64 ล้านบาท มองว่าในไตรมาส 4/52 กำไรจากการดำเนินงานน่าจะเติบโตต่อเนื่องขึ้นมาจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีปัจจัยเรื่อง FX gain/loss ที่ยังต้องดูอีกทีว่ามี position ด้านไหน
แต่ราคานี้ยังซื้อได้เพราะมี upside ค่อนข้างสูง จากที่เติบโตตามอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีออร์เดอร์ใหม่ๆ ด้วยในขณะที่หุ้นก็ยังเทรดราคาไม่แพงมากนัก
ขณะที่ความเสี่ยงหลัก คือ การที่ SMT เป็นบริษัทขนาดค่อนข้างเล็กและมีลูกค้าหลักอยู่ไม่ถึง 10 ราย ความเสี่ยงสำคัญคือหากลูกค้ารายหนึ่งรายใดย้ายฐานการผลิตออกไปก็จะกระทบกับกำไรในประมาณการค่อนข้างมาก และยังมองว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นเทรดถูกกว่าหุ้นใหญ่อย่าง DELTA หรือ HANA
แต่ข้อดี คือ ลูกค้าใหม่มีอยู่แล้วและออร์เดอร์ใหม่มีการ commit ไว้แล้ว โดยเฉพาะมีการกำหนดปริมาณออร์เดอร์ใหม่ล่วงหน้ามาแล้ว ซึ่งในวงการอิเล็คทรอนิกส์ การที่จะได้ลูกค้าใหม่ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ เพราะต้องดูผลิตภัณฑ์ โรงงาน พูดคุยเรื่องคอนเส็ปต์ ทำสินค้าต้นแบบ ขั้นตอนพวกนี้ใช้เวลานาน ซึ่งในอดีต SMT ก็ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นางนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์อาวุโส บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุว่า ปีนี้ SMT มีคำสั่งซื้อจากกลุ่มสินค้าแผงวงจรไฟฟ้ารวม(IC)ที่ดีขึ้นด้วยส่วนหนึ่งและกลุ่ม PCBA ก็ดีขึ้น แต่ราคาหุ้นก็ยังนิ่งๆ สภาพคล่องน้อยลงหลังจากที่เข้าตลาดก็ทำให้วอลุ่มแผ่วไป
บริษัทเริ่มมีขยายกำลังการผลิตบ้างปลายปีนี้ โดยกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามารองรับสินค้า PCBA และ IC แต่ประเด็นหลักของปีหน้า(53)ตัวที่จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมากน่าจะเป็น IC ที่ขยายกำลังการผลิตเพิ่มให้เป็น 1.4 พันล้านชิ้น/ปี จากปีนี้ที่ 1.2 พันล้านชิ้น/ปี
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในไตรมาส 4/52 กำไรของ SMT ยังคงสูงอยู่ และในปีหน้า(53)ยังมองในเชิง positive ว่ากำไรสุทธิน่าจะเติบโตจากปีนี้ได้อีกประมาณ 20% ตามออร์เดอร์ยังดีต่อเนื่อง ปริมาณคำสั่งซื้อยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีการออกโปรดักส์ใหม่ๆ และมีลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้าอีกประมาณ 5 ราย
"SMT จะทำธุรกิจคล้ายกับ HANA ซึ่ง HANA เราก็มีมุมมองในเชิงบวกเช่นเดียวกัน" นักวิเคราะห์ กล่าว
น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 3-4 หรือช่วงครึ่งปีหลัง โดยช่วงที่ดีที่สุดคือไตรมาส 3/52 ซึ่งผ่านไปแล้ว เพียงแต่ SMT เลื่อนการรับรู้รายได้จากออร์เดอร์บางส่วนมารับรู้ฯในไตรมาส 4/52 ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/52 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ก็จะทำให้ไตรมาส 4/52 ออกมาดีขึ้น
อนึ่ง SMT ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/52 ที่ 74 ล้านบาท ลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 18% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทิศทางปีหน้าของภาพรวมอุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์ก็ยังมองเป็นบวกขึ้น จากปีนี้ที่ติดลบประมาณเกือบ 20% ส่วนในระยะยาวจะดีมากหรือไม่ ต้องดูอีกทีว่าเศรษฐกิจฟื้นจริงหรือเปล่า แต่โดยรวมปีหน้าน่าจะกลับมาเป็นบวก
ในแง่ราคาเป้าหมายปี 53 อยู่ระหว่างทำประมาณการณ์ แต่ใน SMT consensus อยู่ที่ 7 บาทกว่า