KSL มองแนวโน้มราคาน้ำตาลสูงถึงมี.ค.53,คงเป้ารายได้งวดปี 52/53 โต 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 15, 2009 14:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)มองแนวโน้มราคาน้ำตาลจะยังสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงเดือน มี.ค.53 จากปัจจัยความต้องการบริโภคน้ำตาลสูงขึ้น ขณะที่อุปทานตึงตัว และอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากบรรดากองทุนโยกย้ายเงินลงทุนจากหุ้นและทองคำที่ราคาปรับตัวลดลงแล้ว หันมาลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์(commodity)ชนิดอื่นแทน เช่น น้ำตาล

เมื่อคืนนี้ราคาน้ำตาลดิบนิวยอร์ค ปรับขึ้น 1.28 เซนต์/ปอนด์ หรือ 5.3% เป็น 25.28 เซนต์/ปอนด์ จากข่าวผลผลิตน้ำตาลของแถบอเมริกากลางช่วงครึ่งหลังเดือน พ.ย.ลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 1.24 ล้านตัน จากฝนที่ตกอย่างหนักในประเทศบราซิล

นายจำรูญ กล่าวว่า ในด้านปัจจัยความต้องการบริโภคน้ำตาลสูงขึ้น ขณะที่ต่างประเทศมีปัญหาเรื่องอุปทาน เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นเพราะมีการใช้น้ำตาลในกิจการหลายอย่าง ซึ่งผลผลิตอ้อยส่วนใหญ่นำไปผลิตเป็นน้ำตาลเพื่อบริโภคสูงถึง 80% ของกำลังผลิตทั้งหมด ส่วนที่นำมาผลิตเอทานอลมีเพียง 10% ที่เหลือก็เอาไปทำไฟฟ้า ทำปุ๋ย และเชื่อว่าปีหน้าการผลิตน้ำตาลก็จะยังเป็น Main อยู่

สำหรับการตึงตัวของอุปทานในตลาดโลก สาเหตุหลักก็อย่างที่ทราบกันว่า บราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลกประสบกับภาวะฝนตกหนักเกินไป ทำให้ผลผลิตน้ำตาลออกมาน้อย แต่ของ KSL ไม่มีปัญหาเรื่องอุปทานตึงตัวแน่นอน เราพยายามสำรองไว้ให้เพียงพอความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ

"มีแต่อุปสงค์มีตลอด โดยเฉพาะประเทศไทยมีน้ำตาลกินอยู่แล้ว เพราะเราสำรองไม่ให้ในประเทศขาด โดยจากการสำรวจ แม้ว่าในแต่ละปีปริมาณความต้องการบริโภคน้ำตาลของคนไทยจะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 3% โดยปี 52 พบว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลปีละ 20 ล้านกระสอบ เฉลี่ย 2 ล้านตัน/ปี หรือเฉลี่ยประมาณ 30 กก./คน/ปี ขณะที่ประเทศทางยุโรปอัตราการบริโภคอยู่ที่ 70 กก./คน/ปี"นายจำรูญ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายจำรูญ กล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มธุรกิจน่าจะดีขึ้นอีกจากปัจจัยดังกล่าว แต่เบื้องต้น KSL ยังคงยืนยันตัวเลขแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในปี 52/53(พ.ย.52-ต.ค.53)ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบจากปี 51/52 ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 11,354 ล้านบาท

นายจำรูญ กล่าวยืนยันว่า โรงงานที่บ่อพลอยกำลังจะเริ่มผลิตในต้นปี 53 แน่นอน หลังจากโรงงานน้ำตาลที่กัมพูชาได้เริ่มเดินเครื่องหีบอ้อยเมื่อวานนี้ ส่วนที่ลาวก็จะเริ่มหีบอ้อยเดือน ม.ค.53 ช่วงแรกโรงงานทั้ง 2 แห่งสามารถหีบอ้อยได้ประมาณ 2 พันตันอ้อย/วัน และคาดว่าโรงงานในกัมพูชาจะเต็มกำลังผลิตสูงสุด 6 พันตันอ้อย/วันในอีก 1 ปี และเราต้องปลูกอ้อยให้ครบก่อน เพราะตอนนี้อ้อยไม่พอ

ปัจจุบัน KSL มีพื้นที่ปลูกอ้อยในกัมพูชา 1.2 แสนไร่ ส่วนในประเทศไทยเป็นการรับซื้อผลผลิตอ้อยจากเกษตรกรทั้งหมด ทั้งที่บ่อพลอย ขอนแก่น และสระแก้ว และแนวโน้มถ้ามีโอกาสก็จะพยายามมองหาพื้นที่ปลูกอ้อยเพิ่ม หรือไม่ก็รับซื้อผลผลิตจากเกษตรเพิ่มขึ้น เพราะปลูกอ้อยเป็น Circle Upstream

หลังโรงงานที่กัมพูชาและลาวเดินเครื่องผลิตหีบอ้อยจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิม 4.5 ล้านตันอ้อย/ปี (6.6 หมื่นตันอ้อย/วัน) เป็น 5.5 ล้านตันอ้อย/ปี (8 หมื่นตันอ้อย/วัน) มีน้ำตาลประมาณ 5 ล้านกระสอบ ใช้ส่งออกประมาณ 3 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 200 กก.)ใช้ในประเทศ 2 ล้านกระสอบ ส่วนเอทานอล 60 ล้านลิตร ใช้ในประเทศอย่างเดียว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ