(เพิ่มเติม) BBL ยอมรับปี 52 สินเชื่อขยายตัว 0%, พอใจราคาขายหุ้น ACL ที่ 11.50 บ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 15, 2009 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ(BBL) กล่าวว่า สินเชื่อในปี 52 จะขยายตัวเป็น 0% ตามเป้าหมายเติบโต 0-3% แต่ขณะนี้แนวโน้มธุรกิจปรับตัวดีขึ้นมาก ทั้งในส่วนของภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้น สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้น และธุรกิจรถยนต์ดีขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 4/52 เร่งตัวขึ้น

ส่วนแนวโน้มในปี 53 เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ราว 3-4%

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดมีโครงการที่จะต้องชะลอการลงทุนไป แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการปล่อยสินเชื่อ และไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนั้นยังเชื่อว่าที่สุดแล้วโครงการลงทุนจะต้องเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการสำคัญในกลุ่ม downstream ถึง 90%

นายเดชา เชื่อว่าในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการ 4 ฝ่ายชุดที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน น่าจะมีผลสรุปหรือความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา แต่ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลคงจะต้องเข้ามาวางแนวทางให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว ขณะที่ประเทศไทยมีศักยภาพมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมากกว่าประเทศอื่น เพียงแต่ทางการจะต้องเร่งสร้างความชัดเจนในการปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง

"เราไม่ห่วงทั้งระยะสั้นระยะยาวไม่ต้องกังวล เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ และเรามีพร้อมทุกอย่าง หากมีความชัดเจนในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สัปดาห์หน้าคณะกรรมการชุดคุณอานันท์น่าจะบอกผลสรุปได้"นายเดชา กล่าว

ส่วนการเจรจาขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย(ACL)ให้กับอินดัสเทรียลแอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟไชน่า(ICBC) คงต้องขึ้นกับกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ในส่วนของ BBL ไม่ได้มีปัญหาขัดข้อง และยืนยันว่าธนาคารพอใจในราคาขายหุ้น ACL ที่ 11.50 บาท/หุ้น

"เชื่อว่า ICBC น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ เราเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายเล็ก กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คงต้องรอการตัดสินใจ"นายเดชา กล่าว

ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการ BBL กล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการในมาบตาพุดว่า ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยวงเงิน 3 หมื่นล้านบาทปล่อยให้กับโครงการที่ไม่ติดคำสั่งศาลฯ ขณะที่มี 11 โครงการ คิดเป็น 2.3 หมื่นล้านบาทที่ต้องชะลอโครงการออกไป โดยในส่วนนี้มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว 6 พันล้านบาทเป็น 2 โครงการ ของกลุ่มปูนซีเมนต์ และดาวเคมีคัล

อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าการปล่อยสินเชื่อในโครงการมาบตาพุดที่ต้องชะลอออกไปไม่น่ามีปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มปูนฯ และปตท. เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของธนาคารและลูกค้ายังไม่ได้หารือกัน เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน

"ไม่ได้เป็นห่วงว่าการให้ระงับโครงการจะกระทบต่อการลงทุน แต่มองว่าอาจกระทบกับโครงสร้างอุตสาหกรรม ทำให้โครงสร้างอุตสาหกรรมอ่อนแอ เนื่องจากในเรื่องของ supply chain มีไม่ครบ ไม่มีอุตสาหกรรมหลัก และไม่เข้มแข็งเหมือนในต่างประเทศ"นายโฆสิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ