นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานบริหารการเงิน กลุ่มบริษัทแพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) ในปี 52 คาดว่ายอดขายลดลง 10% ทั้เป็นผลจากวิกฤติเศรฐกิจของโลก ทำให้ตลาดส่งออกหดตัว โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ และหลายประเทศ ขณะที่การทำกำไรของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรแล้ว 190 ล้านบาทคาดว่าทั้งปี 52 จะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 51 เล็กน้อย ซึ่งมีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทลดต้นทุนค่าใช้จ่ายละลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ และเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร
ขณะที่ราคาทองคำผันผวน ทำให้บริษัทหันมาผลิตเครื่องประดับเงินมากขึ้น โดยได้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตเป็น 80% และลดการผลิตเครื่องประดับทอง เหลือ 20% จาก 40%
"ความสามารถในการผลิตเครื่องประดับของเรายังทำได้ แต่จากราคาทองที่ผันผวน ทำให้ต้องหันมาผลิตเครื่องประดับเงินมากขึ้น เพราะออเดอร์ทองคำลดลง ผู้สั่งก็ไม่กล้าที่จะรับคำ แต่หากราคาทองพลิกผันลดลงคนก็อาจมาสั่งทองมากขึ้น" นางสุนันทา กล่าว
ส่วนในปี 53 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะอยู่ใกล้เคียงปี 52 ที่ระดับ 36-38% ซึ่งทำให้การทำกำไรโดยรวมใกล้เคียงกับปี 52 ที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดส่งออกส่วนใหญ่ที่สหรัฐ น่าจะดีขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทจะมุ่งตลาดส่งออกใหม่ๆมากขึ้นที่อินเดียและจีน นอกจากนี้ ในปี 53 จะมีแผนรุกตลาดมากขึ้น ทั้งจีน อินเดีย ออสเตรเลีย และยุโรป
โดยปี 53 ได้มีการตั้งงบลงทุนรวม 300 ล้านบาท ใช้ในการขยายตลาดที่อินเดีย วงเงิน 50 ล้านบาท, ใช้งบ 50 ล้านบาทขยาย สาขาในจีนที่เมืองปักกิ่ง 10 สาขา และ เซี่ยงไฮ้ 10 สาขา รวมกัน 20 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาที่เซินเจิ้นอยู่ 10 สาขา นอกจากนี้ ยังจัดสรรงบอีก 50 ล้านบาท ในการปรับปรุงเครื่องจักรและอุปรรณ์ และ บริษัทมีแผนก่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งใช้งบลงทุน 200 ล่านบาท แต่จัดสรรงบลงทุนในปี 53 จำนวน 50 ล้านบาท ส่วนอีก 100 ล้านบาทใช้ในขยายตลาดต่างๆ
ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่า นางสุนันทา กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากได้มีการป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้ว แนวโน้มเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่า ทำให้บริษัทมีการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ โดยมีการซื้อฟอร์เวิร์ด เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน