ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเงินเฟ้อฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 49.05 จุด ขณะนักลงทุนจับตาประชุม FED

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 16, 2009 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่จะรู้ผลการประชุมธนาครกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 49.05 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 10,452.00 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.18 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 1,107.93 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 11.05 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 2,201.05 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.18 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.98 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้ออีกครั้ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีพีพีไอเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี

นอกจากนี้ เฟดรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งการผลิตที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ดัชนีพีพีไอที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพ.ย.เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลและเฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนมาก ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังและจับตาดูการประชุมเฟดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่รุนแรงอาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ 0 - 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เฟดเคยออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่าการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวนมากนั้น อาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

หุ้นเบสท์บายปิดร่วง 8.5% หลังจากบริษัทคาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ลดลง ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรด้านธุรกิจเงินทุนมีแนวโน้มทรงตัวในปีหน้า และคาดว่ารายได้รวมจะลดลงราว 5-10%

นอกเหนือจากการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทยแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพุธด้วย โดยกระทรวงแรงงานเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.และข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ