นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่า ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปี 53 จะเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% ถือว่าปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากปีนี้ที่เศรษฐกิจติดลบ 3% เนื่องจากแนวโน้มภาพรวมที่ปรับตัวดีขึ้น
แต่ทั้งนี้คงจะต้องติดตามสถานการณ์ที่อาจจะเป็นปัจจัยกดดันเข้ามาในการประเมินด้วย ซึ่งปกติกำไรบจ.จะเติบโตมากกว่าจีดีพีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กรณีของปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด หากยังไม่สามารถสร้างความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติได้เร็ว หรือแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้เห็นการย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาสในแง่การขยายธุรกิจและในแง่ของการเข้ามาจดทะเบียน จึงอยากจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมแก้ไข เพราะบริษัทขนาดใหญ่เองก็พร้อมที่จะแก้ไขหากมีข้อกำหนดหรือแนวทางที่ชัดเจนออกมา
"จากการประเมินของบทวิเคราะห์และมาเปรียบเทียบก็เชื่อว่าปีหน้าทุกอย่างน่าจะดีภาพรวมไม่น่ากังวลแล้วเพราะตอนนี้ทุกคนก็มองว่าเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ก็อย่านิ่งนอนใจเพราะอาจจะมีประเด็นที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวได้ ซึ่งประเด็นมาบตาพุดก็อยากให้แก้ปัญหาโดยเร็วเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา"นางภัทรียา กล่าว
ส่วนกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ฮั้วกันคิดอัตราค่าคอมมิชชั่นในระดับเดียวกันสำหรับมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้มีการต่อรองโดยเสรีนั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ไม่กังวลกับการคิดค่าคอมฯ ในอัตราเดียวกัน แต่กังวลในแง่ที่จะมีการตัดราคากันเกิดขึ้นจนมีผลกระทบกับคุณภาพในการให้บริการของบริษัทหลักทรัพย์มากกว่า เพราะอาจจะทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ถูกทำร้าย