โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT)จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่เห็นภาพชัดขึ้นจากออร์เดอร์ที่เข้ามาในไตรมาส 4/52 ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงถึง 80% และคาดว่ายอดขายจะเติบโต 25% จากไตรมาส 3/52 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% QoQ และเพิ่มขึ้น 55% YoY
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ SAT ในปีนี้(2552)ไว้ที่ 256-274 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน(2551)ที่มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท ซึ่งกำไรปีนี้ลดลงจากปีที่แล้วมากเป็นผลจากยอดการผลิตรถยนต์ลดลงมากจากปีที่แล้ว ทำให้ผลกำไรทำได้น้อยมาก
ส่วนปี 53 คาดการณ์ว่ายอดขายและกำไรของ SAT จะมีการเติบโตสูง อิงกับยอดการผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.25 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 25% จากปีนี้ โดยประเมินว่าในปีหน้า SAT จะมีกำไรสุทธิ 500-532 ล้านบาท เติบโตสูงจากฐานกำไรในปีนี้ต่ำ และกลุ่มธุรกิจยานยนต์ฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามา โดยมีออเดอร์สำหรับอีโคคาร์ค่ายนิสสัน ที่คาดว่าน่าจะออกมาในช่วงไตรมาส 1/53 และปีหน้า SAT ยังรับรู้รายได้เต็มปีจากออร์เดอร์ของ"คูโบต้าฯ"ด้วย ซึ่งจะมีประมาณ 650 ล้านบาท จากที่ได้รับรู้รายได้จาก"คูโบต้าฯ"ในปีนี้ประมาณ 250 ล้านบาท
และปัจจุบันราคาหุ้น SAT อยู่ที่ 12-13 บาท ค่า P/E แค่ 7-8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มยานยนต์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) Deutsche Bank ซื้อ 14.20 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 15.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 17.65 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 18.00 บล.ธนชาต ซื้อ 15.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 14.20 บล.กสิกรไทย ซื้อ 10.24 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 13.60 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 13.80 บล.คันทรี่ กรุ๊ป เก็งกำไร 16.98
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SAT ด้วยราคาเป้าหมายที่ 15 บาท/หุ้น ว่า เป็นผลจากที่คาดกาณณ์ว่ายอดขายและกำไรของ SAT จะมีการเติบโตสูงในปีหน้า(2553)และปัจจุบันราคาหุ้น SAT อยู่ที่ 12-13 บาท ค่า P/E แค่ 7-8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มยานยนต์
นอกจากนี้ ในปีหน้า SAT ยังได้รับผลดีจากรายได้ที่เข้ามาเต็มปีจากการออเดอร์ใหม่ของ"คูโบต้า แทรกเตอร์"ซึ่งจะเข้ามามาก โดยได้เริ่มเข้ามาแล้วในไตรมาส 4/52 ซึ่งการผลิตให้กับคูโบต้าฯ SAT จะได้รับอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ที่ดีกว่าที่ทำให้พวกรถยนต์ทั่วไป
ทั้งนี้ ในปี 53 กำไรของ SAT จะเติบโตสูงเป็นเพราะฐานกำไรในปีนี้ต่ำ และกลุ่มธุรกิจยานยนต์ก็มีการฟื้นตัวดีขึ้น จึงคาดการณ์ว่า SAT จะมีกำไรสุทธิในปีหน้าที่ 500 ล้านบาท และมียอดขายที่ 5,500 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 274 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1-3 ของปีนี้ธุรกิจยานยนต์ไม่ดี
น.ส.จิติมา อ๋องมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น SAT เพิ่มขึ้นเป็น 14.20 บาท จากเดิม 10.55 บาท โดย SAT จะมีการอิงกับยอดการผลิตรถยนต์ของประเทศ คาดหวังว่ายอดผลิตรถยนต์ของไทยในปีหน้าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น คาดว่าจะมียอดการผลิตที่ 1.25 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 25% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดการผลิตประมาณ 1 ล้านคัน ลดลง 28% จากปี 51 ที่มียอดการผลิตรถยนต์ 1.394 ล้านคัน
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จากปี 52 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท ซึ่งกำไรปีนี้ลดลงจากปีที่แล้วมากตามยอดการผลิตรถยนต์โดยรวม ทั้งนี้ยอดการผลิตรถยนต์เป็นการสะท้อนผลจากยอดขายในประเทศและการส่งออกที่ไม่ดี
Deutsche Bank ปรับราคาเป้าหมายหุ้น SAT ขึ้นเป็น 14.20 บาท จากเดิม 10.55 บาท พร้อมแนะนำให้"ซื้อ" โดยคาดการณ์ผลกำไร SAT +108%YoY ในปี 53 ขณะที่การเติบโตของยอดขายในปี 52 อยู่ที่ 38%, ปี 53 ที่ 34% และปี 54 ที่ 22% ขณะที่ Gross Margin เพิ่มขึ้น พร้อมคาดกลุ่มยานยนต์จะฟื้นตัวในปีหน้า จากการผลิตรถยนต์ปีนี้ที่จะลดลงเหลือ 1 ล้านคัน(-28%) แต่จะรีบาวด์ 25% สู่ระดับ 1.25 ล้านคันในปี 53
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SAT ด้วยราคาเป้าหมาย 17.65 บาท/หุ้น เนื่องจากมีแนวโน้มของการฟื้นตัวมากขึ้น โดยจะเห็นภาพชัดขึ้นในไตรมาส 4/52 จากออเดอร์ที่เข้ามา ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาส 4/52 มีถึง 80% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/52 และยอดขายของไตรมาส 4/52 ก็คาดว่าจะเติบโตขึ้น 25% จากไตรมาส 3/52 ดังนั้นจึงได้คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/52 ของ SAT ไว้ที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาส 3/52 และเพิ่มขึ้น 55% YoY
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ SAT ทั้งปี 52 ไว้ที่ 264 ล้านบาท ลดลง 58% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ธุรกิจไม่ค่อยดี ทำให้ผลกำไรทำได้น้อยมาก
อย่างไรก็ดี ในปีหน้าคาดว่า SAT จะมีกำไรสุทธิ 530 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติเท่าไรนัก ซึ่งเป็นผลจากที่กลุ่มธุรกิจยานยนต์ดีขึ้น โดยคาดว่ายอดผลิตรถยนต์โดยรวมจะเติบโตได้อย่างน้อย 10% และบริษัทฯยังได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามา โดยมีออเดอร์สำหรับอีโคคาร์ค่ายนิสสันที่คาดว่าจะออกมาในช่วงไตรมาส 1/53 และปีหน้ายังรับรู้รายได้เต็มปีจาก"คูโบต้าฯ"ด้วย ซึ่งจะมีประมาณ 650 ล้านบาท โดยในครึ่งหลังปีนี้ SAT ก็มีการรับรู้รายได้จาก"คูโบต้าฯ"แล้วประมาณ 250 ล้านบาท